สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ (20 พ.ค.) หลังจากเจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าเฟดควรรอหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับการชะลอตัวของเงินเฟ้อ ก่อนที่จะตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 26 เซนต์ หรือ 0.32% ปิดที่ 79.80 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 27 เซนต์ หรือ 0.32% ปิดที่ 83.71 ดอลลาร์/บาร์เรล
นายฟิลิป เจฟเฟอร์สัน รองประธานเฟดกล่าวเมื่อวานนี้ว่า ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะบอกได้ว่าเงินเฟ้อกำลังอยู่ในทิศทางขาลง ขณะที่นายไมเคิล บาร์ รองประธานเฟดอีกคนหนึ่งกล่าวว่า เฟดจำเป็นต้องดำเนินนโยบายคุมเข้มด้านการเงินต่อไปอีกระยะหนึ่ง และนายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนตากล่าวว่า เฟดควรรอเวลาอีกระยะหนึ่งเพื่อให้มั่นใจว่าเงินเฟ้อกำลังอยู่ในทิศทางขาลง
การแสดงความเห็นดังกล่าวได้สร้างแรงกดดันต่อราคาน้ำมัน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ตลาดได้รับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนมีความหวังว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่ต่ำกว่าคาดในเดือนเม.ย. โดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะช่วยให้ต้นทุนการกู้ยืมของกลุ่มผู้บริโภคและภาคธุรกิจปรับตัวลดลง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
ตลาดน้ำมันไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การเมืองที่ไม่แน่นอนของอิหร่านและซาอุดีอาระเบียซึ่งเป็น 2 ประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ หลังจากมีรายงานว่านายอิบราฮิม ไรซี ประธานาธิบดีอิหร่าน ได้ถึงแก่อสัญกรรมจากอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตก รวมทั้งข่าวเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบียได้ตัดสินใจยกเลิกแผนการเดินทางเยือนญี่ปุ่น เนื่องจากการประชวรของกษัตริย์ซาอุดีอาระเบียผู้เป็นพระราชบิดา
นักลงทุนจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการผลิตน้ำมันของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ในวันที่ 1 มิ.ย. โดยคาดว่าที่ประชุมยังคงมีมติปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันต่อไปในครึ่งปีหลัง
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบของสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ในวันนี้ ก่อนที่สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการในวันพุธ (22 พ.ค.)