ภาวะตลาดน้ำมันน้ำมัน WTI ปิดลบ 60 เซนต์ กังวลดีมานด์เบนซินชะลอตัว

ข่าวต่างประเทศ Thursday May 30, 2024 06:57 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ (29 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของอุปสงค์น้ำมันเบนซิน รวมทั้งความกังวลว่าข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยล่าสุดจะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานขึ้น

ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 60 เซนต์ หรือ 0.75% ปิดที่ 79.23 ดอลลาร์/บาร์เรล

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 62 เซนต์ หรือ 0.74% ปิดที่ 83.6 ดอลลาร์/บาร์เรล

ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 102 ในเดือนพ.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 95.9 โดยได้แรงหนุนจากมุมมองที่ดีขึ้นเกี่ยวกับตลาดแรงงาน แต่ผู้บริโภคมีความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง และครัวเรือนจำนวนมากคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยจะปรับตัวสูงขึ้นในปีหน้า

ทั้งนี้ ผลสำรวจของ Conference Board บ่งชี้ว่า ผู้บริโภคคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อในช่วง 12 เดือนข้างหน้าจะอยู่ที่ระดับ 5.4% เพิ่มขึ้นจากระดับ 5.3% ในเดือนเม.ย.

ข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลว่า เฟดอาจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและทำให้อุปสงค์น้ำมันอ่อนแรงลง

นอกจากนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันเบนซินที่ชะลอตัวลงส่งผลให้ราคาสัญญาน้ำมันเบนซินเคลื่อนไหวใกล้ระดับต่ำสุดในนรอบ 2 เดือน ด้านนักวิเคราะห์จากบริษัท Ritterbusch and Associates กล่าวว่าอุปสงค์น้ำมันเบนซินอ่อนแอลงอย่างเหนือความคาดหมาย ขณะที่อุปทานยังคงอยู่ใกล้เคียงกับระดับปกติ เนื่องจากอุปสงค์น้ำมันเบนซินตามฤดูกาลปรับตัวลดลง

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ (30 พ.ค.) โดย EIA เลื่อนการรายงานข้อมูลดังกล่าวออกไป 1 วันเนื่องจากหน่วยงานของสหรัฐปิดทำการในวันจันทร์ที่ 27 พ.ค.เนื่องในวัน Memorial Day หรือวันรำลึกถึงผู้พลีชีพเพื่อชาติ

นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ (31 พ.ค.) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้กำหนดเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ