สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (13 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) คาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันจะปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมทั้งความหวังที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลังมีข้อมูลที่บ่งชี้ถึงการชะลอตัวของตลาดแรงงานและเงินเฟ้อของสหรัฐ
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 12 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 78.62 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 15 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 82.75 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นหลังจากนายไฮธาม อัล-กาอิส เลขาธิการโอเปกกล่าวว่า โอเปกคาดว่าอุปสงค์น้ำมันจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 116 ล้านบาร์เรล/วันภายในปี 2588 พร้อมกับตำหนิรายงานของสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ที่คาดการณ์ว่า อุปสงค์น้ำมันจะถึงจุดสูงสุดภายในปี 2572
ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนมีความหวังว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์เพิ่มขึ้น และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่ต่ำกว่าคาดในเดือนพ.ค.
ทั้งนี้ สหรัฐเปิดเผยดัชนี PPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต เพิ่มขึ้น 2.2% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.5% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.3% ในเดือนเม.ย. ส่วนดัชนี PPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.3% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.4% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.5% ในเดือนเม.ย.
ส่วนตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก เพิ่มขึ้น 13,000 ราย สู่ระดับ 242,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือน หรือนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2566 และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 225,000 ราย
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐ