สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (18 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ในยุโรปและตะวันออกกลางอาจจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในตลาดโลก
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 1.24 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 81.57 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 1.08 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 85.33 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนคาดการณ์ว่าสถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์จะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมัน โดยล่าสุดยูเครนได้ส่งโดรนโจมตีคลังน้ำมันของรัสเซียที่ท่าเรืออาซอฟ (Azov) ซึ่งส่งผลให้เกิดเพลิงไหม้เป็นวงกว้างที่คลังน้ำมันดังกล่าว โดยท่าเรืออาซอฟมีคลังน้ำมัน 2 แห่งและมีการส่งออกน้ำมันในปริมาณ 220,000 ตันในช่วงเดือนม.ค.-พ.ค.
ส่วนสถานการณ์ในตะวันออกกลางนั้น นายอิสราเอล แคตส์ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของอิสราเอลเตือนว่า อิสราเอลจะตัดสินใจเปิดฉากทำสงครามกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนอย่างเต็มรูปแบบในไม่ช้านี้ แม้สหรัฐพยายามสกัดกั้นไม่ให้สงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์บานปลายก็ตาม
รายงานล่าสุดระบุว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐได้ส่งนายเอมอส โฮชสเต็น ทูตพิเศษของสหรัฐเดินทางไปยังเลบานอนเป็นการเร่งด่วน เนื่องจากสถานการณ์ในขณะนี้ตึงเครียดมาก
สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.264 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 14 มิ.ย. ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันพฤหัสบดี (20 มิ.ย.)
ตลาดน้ำมันนิวยอร์กจะปิดทำการในวันนี้ (19 มิ.ย.) เนื่องในวันจูนทีนธ์ (Juneteenth) ซึ่งเป็นวันเฉลิมฉลองการเลิกทาสในสหรัฐ