สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (20 มิ.ย.) ขานรับตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ลดลงมากกว่าคาด นอกจากนี้ ข้อมูลที่บ่งชี้ถึงการชะลอตัวของตลาดแรงงานยังทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้านี้
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 60 เซนต์ หรือ 0.74% ปิดที่ 82.17 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 64 เซนต์ หรือ 0.75% ปิดที่ 85.71 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐลดลง 2.5 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 457.1 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 2.2 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 2.3 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 600,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 1.7 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 300,000 บาร์เรล
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลง 5,000 ราย สู่ระดับ 238,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว แต่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 235,000 ราย ซึ่งบ่งชี้ถึงการชะลอตัวของตลาดแรงงาน และทำให้นักลงทุนคาดหวังว่าเฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ซึ่งการปรับลดดอกเบี้ยจะทำให้ต้นทุนการกู้ยืมลดลงและเป็นปัจจัยหนุนเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมัน
ริคาร์โด อิแวนเจลิสตา นักวิเคราะห์จากบริษัท ActivTrades กล่าวว่า ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง โดยกองทัพอิสราเอลได้เข้าโจมตีพื้นที่ตอนกลางของฉนวนกาซาเมื่อคืนนี้ และรถถังของอิสราเอลได้รุกคืบเข้าสู่พื้นที่ตอนใต้ของเมืองราฟาห์
ทางด้านนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลกล่าวว่า กองทัพอิสราเอลจะไม่ออกจากฉนวนกาซา จนกว่าตัวประกันทุกคนจะได้รับการช่วยเหลือกลับสู่ประเทศ