สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ (24 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากมุมมองที่ว่าอุปสงค์น้ำมันในฤดูการขับขี่ยานยนต์ในช่วงหน้าร้อนของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง รวมทั้งการคาดการณ์ว่าสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกลางและการที่ยูเครนส่งโดรนโจมตีโรงกลั่นน้ำมันในรัสเซียจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในตลาด
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 90 เซนต์ หรือ 1.11% ปิดที่ 81.63 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 77 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 86.01 ดอลลาร์/บาร์เรล
ในสัปดาห์ที่แล้ว ราคาน้ำมัน WTI และน้ำมันเบรนท์ต่างก็ปรับตัวขึ้นราว 3% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นรายสัปดาห์ติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 2
บ็อบ ยอว์เกอร์ ผู้อำนวยการด้านพลังงานจากธนาคารมิซูโฮกล่าวว่า หลังจากสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินลดลงอย่างมากในสัปดาห์ที่แล้ว นักลงทุนต่างก็รอดูรายงานสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ในวันพุธนี้ โดยคาดว่าข้อมูลดังกล่าวจะเป็นหลักฐานที่ชัดเจนมากขึ้นว่าอุปสงค์น้ำมันเบนซินในสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง
ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง รวมทั้งการที่ยูเครนส่งโดรนโจมตีโรงกลั่นน้ำมันในรัสเซียยังเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมัน ขณะเดียวกันมีรายงานว่าประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) ได้ตกลงที่จะใช้มาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่อรัสเซียเพื่อลงโทษรัสเซียในกรณีรุกรานยูเครน โดยมาตรการดังกล่าวรวมถึงการห้ามรัสเซียทำการขนถ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ใน EU เพื่อส่งต่อไปยังประเทศที่สาม
นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังช่วยให้ราคาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีความน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.31% แตะที่ระดับ 105.473 เมื่อคืนนี้