สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 2% ในวันจันทร์ (1 ก.ค.) ขานรับความหวังที่ว่าอุปสงค์น้ำมันในฤดูการขับขี่ยานยนต์ในหน้าร้อนของประเทศซีกโลกเหนือจะปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ว่าสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางอาจลุกลามเป็นวงกว้างและส่งผลให้อุปทานน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลดลง
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 1.84 ดอลลาร์ หรือ 2.26% ปิดที่ 83.38 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 1.60 ดอลลาร์ หรือ 1.88% ปิดที่ 86.60 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันเบรนท์ปิดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 เม.ย. และสัญญาน้ำมัน WTI ปิดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 26 เม.ย.
นักวิเคราะห์ด้านพลังงานจากบริษัท Ritterbusch and Associates กล่าวว่า ตลาดน้ำมันเปิดสัปดาห์ใหม่อย่างแข็งแกร่ง โดยยังคงได้ปัจจัยหนุนจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางซึ่งรวมถึงความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธในเลบานอน รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่าอุปสงค์น้ำมันในเดือนนี้จะปรับตัวสูงขึ้น
ทั้งนี้ อิสราเอลและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ซึ่งได้รับการหนุนหลังจากอิหร่านนั้น ได้ทำการสู้รบตอบโต้กันไปมานับตั้งแต่สงครามในฉนวนกาซาเปิดฉากขึ้น ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่าความขัดแย้งอาจจะลุกลามกลายเป็นการทำสงครามอย่างเต็มรูปแบบ และอาจส่งผลให้อิหร่านเข้าร่วมการทำสงครามดังกล่าว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในตะวันออกกลาง
นักลงทุนจับตาพายุเฮอริเคน "เบริล (Beryl)" ซึ่งก่อตัวขึ้นในทะเลแคริบเบียน โดยคาดว่าเฮอริเคนลูกนี้จะเคลื่อนตัวผ่านประเทศจาเมกาในวันพุธนี้ และจะพัดเข้าสู่คาบสมุทรยูคาตันในเม็กซิโกในวันศุกร์ ก่อนที่จะอ่อนกำลังลงกลายเป็นพายุโซนร้อนและพัดเข้าสู่ชายหาดกัมเปเชในอ่าวเม็กซิโกซึ่งเป็นแหล่งผลิตน้ำมันของประเทศเม็กซิโกในวันเสาร์นี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีกำหนดแถลงนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจต่อสภาคองเกรสในวันที่ 9-10 ก.ค. รวมทั้งการเปิดเผยรายงานการประชุมเฟดในวันพุธนี้ (3 ก.ค.) และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันศุกร์ (5 ก.ค.)