สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (2 ก.ค.) หลังจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของพายุเฮอริเคนเบริล (Beryl) ที่จะมีต่ออุปทานน้ำมัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 57 เซนต์ หรือ 0.68% ปิดที่ 82.81 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 36 เซนต์ หรือ 0.42% ปิดที่ 86.24 ดอลลาร์/บาร์เรล
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้น 1 ดอลลาร์ แตะที่ระดับ 84.38 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าอิทธิพลของพายุเฮอริเคนเบริลจะส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันนอกชายฝั่งของอ่าวเม็กซิโก โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่อุปสงค์เชื้อเพลิงสำหรับการขับขี่ยานยนต์ในสหรัฐกำลังปรับตัวสูงขึ้น
แต่ราคาน้ำมันอ่อนแรงลง หลังจากศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติสหรัฐระบุว่า พายุเฮอริเคนเบริลซึ่งเป็นพายุที่มีความอันตรายในระดับที่ 5 ได้เคลื่อนตัวผ่านทะเลแคริบเบียน และคาดว่าเฮอริเคนลูกนี้จะอ่อนกำลังลงจนกลายเป็นพายุโซนร้อนเมื่อเคลื่อนตัวเข้าสู่อ่าวเม็กซิโกในช่วงปลายสัปดาห์นี้
ฟิล ไฟนน์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Price Futures Group กล่าวว่า นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของพายุเฮอริเคนเบริล โดยเชื่อว่าเฮอริเคนลูกนี้จะไม่ทำให้มีการปิดสายการผลิตน้ำมันนอกชายฝั่งครั้งใหญ่ และจะมีผลกระทบน้อยมากต่อแท่นขุดเจาะน้ำมัน
ความต้องการน้ำมันเบนซินในสหรัฐมีแนวโน้มพุ่งสูงสุดในสัปดาห์นี้ เนื่องจากประชาชนจะออกไปเดินทางท่องเที่ยวในวันหยุดเนื่องในวันชาติสหรัฐในวันพฤหัสบดีนี้ (4 ก.ค.) โดยสมาคมผู้ผลิตยานยนต์อเมริกา (AAA) คาดการณ์ว่า การเดินทางในช่วงวันหยุดดังกล่าวจะเพิ่มขึ้น 5.2% จากระดับของปี 2566 ซึ่งในเวลานั้นการเดินทางด้วยรถยนต์เพิ่มขึ้น 4.8%