สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (10 ก.ค.) หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินลดลงมากกว่าคาด แต่แรงบวกของราคาน้ำมันถูกจำกัด หลังมีรายงานว่าพายุเฮอร์ริเคนเบริล (Beryl) ส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันเพียงเล็กน้อย
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 69 เซนต์ หรือ 0.85% ปิดที่ 82.10 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 42 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 85.08 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐลดลง 3.4 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 445.1 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.3 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 2 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 229.7 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 600,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐ ลดลง 702,000 บาร์เรล
ตลาดน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้า โดยเขากล่าวว่าเฟดจะไม่รอจนกว่าเงินเฟ้อปรับตัวสู่เป้าหมาย 2% ถึงจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ หลังจากที่นายพาวเวลแถลงต่อสภาคองเกรสสหรัฐเป็นวันที่ 2 ในวันพุธ (10 ก.ค.) นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. ซึ่งจะเป็นปัจจัยกระตุ้นเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมัน
อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันลดช่วงบวก หลังมีรายงานว่าพายุเฮอร์ริเคนเบริลส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัฐเท็กซัสซึ่งเป็นแหล่งผลิตน้ำมันในสัดส่วนกว่า 40% ของอุปทานน้ำมันดิบทั้งหมดในสหรัฐ
รายงานระบุว่า บริษัทน้ำมันและก๊าซหลายแห่งสามารถกลับมาดำเนินการอีกครั้งในวันอังคาร (9 ก.ค.) ส่วนในช่วงเช้าวันพุธ (10 ก.ค.) สถานีขนส่งน้ำมัน 8 แห่งที่ท่าเรือเมืองฮิวสตันในรัฐเท็กซัสสามารถกลับมาดำเนินการตามปกติ