สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ (15 ก.ค.) หลังมีรายงานว่าเศรษฐกิจจีนขยายตัวต่ำกว่าคาดในไตรมาส 2/2567 ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันภายในประเทศ
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 30 เซนต์ หรือ 0.36% ปิดที่ 81.91 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 18 เซนต์ หรือ 0.21% ปิดที่ 84.85 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2/2567 ของจีนขยายตัวเพียง 4.7% ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.1% และชะลอตัวจากไตรมาส 1/2567 ที่มีการขยายตัว 5.3%
นอกจากนี้ ยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย.ของจีนปรับตัวขึ้นเพียง 2% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการขยายตัวในอัตราต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2565 และสะท้อนให้เห็นว่าความพยายามของรัฐบาลที่จะฟื้นฟูความเชื่อมั่นนั้นแทบจะไม่ได้ช่วยให้ผู้บริโภคชาวจีนเพิ่มการใช้จ่าย
นักเศรษฐศาสตร์จากเครดิต อากริโคล ซีไอบี ในฮ่องกง กล่าวว่า รัฐบาลจีนจำเป็นต้องใช้นโยบายสนับสนุนมากขึ้นเพื่อผลักดันเศรษฐกิจให้ขยายตัวตามเป้าหมายที่ระดับ 5% หลังจากตัวเลข GDP ไตรมาส 2 ออกมาน่าผิดหวัง
ทั้งนี้ การชะลอตัวของ GDP จีนได้บดบังปัจจัยบวกจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. รวมทั้งสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางที่มีแนวโน้มว่าจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมัน
รายงานล่าสุดระบุว่า เรือบรรทุกสินค้า 2 ลำได้ถูกโจมตีที่บริเวณนอกชายฝั่งของเมืองโฮเดดาห์ (Hodeidah) ซึ่งเป็นเมืองท่าของเยเมน โดยแม้จะยังไม่มีกลุ่มใดออกมาแสดงความรับผิดชอบ แต่นับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่แล้ว กลุ่มกบฎฮูตีซึ่งได้รับการหนุนหลังจากอิหร่านได้ใช้โดรนและขีปนาวุธโจมตีเรือบรรทุกสินค้าในทะเลแดงและอ่าวเอเดน โดยอ้างว่าเป็นการแสดงจุดยืนสนับสนุนชาวปาเลสไตน์ในการทำสงครามกับอิสราเอลในฉนวนกาซา