ราคาน้ำมัน WTI ขยับลงเล็กน้อย หลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ประกาศถอนตัวจากการลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2567 ขณะที่นักลงทุนจับตาดูสัญญาณเพิ่มเติมว่าอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐอาจถูกปรับลดลงเร็วสุดในเดือนก.ย.นี้
ณ เวลา 19.20 น.ตามเวลาไทย ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนส.ค. ลบ 0.51 ดอลลาร์ หรือ -0.64% สู่ระดับ 79.62 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะจัดการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันที่ 30-31 ก.ค.นี้ ซึ่งนักลงทุนคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยจะยังคงที่ แต่มีสัญญาณว่าเฟดอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ไบเดนประกาศถอนตัวจากการลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ และประกาศสนับสนุนนางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐ ให้เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตเพื่อลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย.ปีนี้ แข่งกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนจากพรรครีพับลิกัน
อย่างไรก็ดี ข่าวดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดน้ำมันมากนัก
"เราคิดว่าความสามารถของประธานาธิบดีสหรัฐในการชี้นำการผลิตน้ำมันของสหรัฐนั้น อาจถูกประเมินค่าสูงเกินไป" ซูวโร ซาร์การ์ หัวหน้าทีมกลุ่มธุรกิจพลังงานของธนาคาร DBS กล่าว พร้อมระบุว่าผลผลิตน้ำมันของสหรัฐแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีที่แล้ว แม้ว่ารัฐบาลไบเดนจะออกมาตรการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศก็ตาม
"จะว่าไป การที่ทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดีอีกครั้งต่างหากที่อาจทำให้ความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐเพิ่มขึ้น เนื่องจากท่าทีต่อต้านรถ EV ของเขา" ซาร์การ์กล่าวเสริม
โทนี ซิคามอร์ นักวิเคราะห์จาก IG กล่าวว่า การเพิ่มการผลิตน้ำมันของสหรัฐอาจหักล้างแรงหนุนราคาบางส่วนที่ตลาดได้รับจากการลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกพลัส (OPEC+) เมื่อเร็ว ๆ นี้ แต่ในทางกลับกัน การที่ซัพพลายจากสหรัฐเพิ่มขึ้นจนกดราคาน้ำมันลง ก็อาจทำให้ผู้ผลิตขนาดเล็กต้องระงับการผลิตชั่วคราวไปด้วย
ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันยังคงได้รับแรงกดดันหลังเศรษฐกิจจีนมีการขยายตัวต่ำกว่าคาด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมันในตลาด สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2/2567 ของจีนขยายตัวเพียง 4.7% ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.1% และชะลอตัวจากไตรมาส 1/2567 ที่มีการขยายตัว 5.3%
ในวันนี้ ธนาคารกลางจีนเซอร์ไพรส์ตลาดด้วยการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปีลงสู่ระดับ 3.35% จากระดับ 3.45% โดยมีเป้าหมายที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจจีนที่กำลังชะลอตัวลงในขณะนี้
การประกาศลดอัตราดอกเบี้ย LPR มีขึ้นหลังการประชุมใหญ่ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ชุดที่ 20 ครั้งที่ 3 (Third Plenum) เมื่อวันที่ 18 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยจีนได้ออกเอกสารนโยบายหลังการประชุม ซึ่งส่วนใหญ่ระบุถึงเป้าหมายต่าง ๆ ที่ทราบกันดีอยู่แล้ว ตั้งแต่การพัฒนาอุตสาหกรรมขั้นสูงไปจนถึงการปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ ด้านนักวิเคราะห์ไม่พบสัญญาณการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในจีนแต่อย่างใด