ราคาน้ำมันทรงตัวในวันนี้ (29 ก.ค.) เพราะเกิดความกังวลว่าความขัดแย้งในตะวันออกกลางอาจบานปลาย หลังเกิดเหตุยิงจรวดในที่ราบสูงโกลันที่อิสราเอลยึดครอง ซึ่งทั้งอิสราเอลและสหรัฐมองว่าเป็นฝีมือของกลุ่มติดอาวุธฮิซบอลเลาะห์จากเลบานอน ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบไม่ลดลงมากไปกว่าที่ลดลงไปแล้วในสัปดาห์ก่อนหน้า
ณ เวลา 19.49 น.ตามเวลาไทย ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.ย. ปรับตัวลง 16 เซนต์ หรือ -0.21% อยู่ที่ 77.00 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ดิ่งลง 1.8% ส่วน WTI ร่วง 3.7% เพราะดีมานด์จากจีนซบเซา ประกอบกับความหวังว่าจะมีข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซา
"ราคาน้ำมันดิบเปิดสัปดาห์มาค่อนข้างทรงตัว หลังจากความตึงเครียดในตะวันออกกลางกลับมาปะทุอีกครั้ง เนื่องจากมีรายงานการโจมตีของฮิซบอลเลาะห์" จอห์น อีแวนส์ นักวิเคราะห์จาก PVM กล่าว
เมื่อวานนี้ (28 ก.ค.) คณะรัฐมนตรีความมั่นคงอิสราเอลได้ไฟเขียวให้รัฐบาลของนายกฯ เบนจามิน เนทันยาฮู ตัดสินใจเรื่อง "วิธีการและจังหวะเวลา" ในการตอบโต้เหตุยิงจรวดเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (27 ก.ค.) บริเวณที่ราบสูงโกลัน ซึ่งคร่าชีวิตเด็กและวัยรุ่น 12 คน
อิสราเอลได้ประกาศตอบโต้กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน โดยเครื่องบินรบอิสราเอลได้ถล่มเป้าหมายในทางตอนใต้เลบานอนเมื่อวานนี้ อย่างไรก็ดี ด้านกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ปฏิเสธว่าไม่ได้อยู่เบื้องหลังการโจมตีดังกล่าว
ความตึงเครียดได้ขยายวงกว้างไปหลายด้าน และมีความเสี่ยงที่จะลุกลามกลายเป็นความขัดแย้งระดับภูมิภาค ทำให้นักลงทุนกังวลว่าอาจส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันดิบในภูมิภาคที่ผลิตน้ำมันมากที่สุดในโลก แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีผลกระทบต่อการผลิตแต่อย่างใด
"แม้ว่าจะมีความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางอีกครั้ง แต่การที่ไม่มีการหยุดชะงักของอุปทาน ทำให้ปฏิกิริยาเชิงบวกต่อราคามีจำกัด" จิโอวานนี สตาอูโนโว นักวิเคราะห์จาก UBS กล่าว
"ความกังวลเรื่องความต้องการน้ำมันก็เป็นอีกปัจจัยที่ไม่ช่วยให้ราคาน้ำมันดีขึ้นในตอนนี้ โดยเฉพาะเมื่อจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ"
ข้อมูลที่เผยแพร่ในเดือนนี้แสดงให้เห็นว่า จีนนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงลดลงไป 11% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ทำให้ตลาดเริ่มกังวลว่าความต้องการใช้น้ำมันโดยรวมของจีน ซึ่งเป็นประเทศที่นำเข้าน้ำมันดิบมากที่สุดในโลก อาจจะไม่ค่อยดีนัก
ราคาน้ำมันดิบยังปรับตัวลดลงช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้วด้วย หลังมีข่าวว่าโรงกลั่นน้ำมันดังโกเต้ (Dangote) ยักษ์ใหญ่ในไนจีเรียกำลังขายน้ำมันดิบจากสหรัฐและไนจีเรียที่ซื้อมาคืนออกไป เนื่องจากเจอปัญหาทางเทคนิคที่โรงงาน
ขณะเดียวกัน ตลาดก็กำลังจับตาดูสถานการณ์ในเวเนซุเอลา ประเทศผู้ผลิตน้ำมัน หลังจากที่คณะกรรมการการเลือกตั้งเวเนซุเอลาประกาศว่า นายนิโคลัส มาดูโร ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา ได้รับชัยชนะสมัยที่สามด้วยคะแนนเสียง 51% แม้สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนหน้าคูหาเลือกตั้งหรือเอ็กซิตโพล (Exit Poll) หลายสำนักจะชี้ว่าฝ่ายค้านน่าจะเป็นผู้ชนะ