สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ (5 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันลดช่วงลบ โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางอาจลุกลามเป็นวงกว้าง หลังมีรายงานว่าอิหร่านจะทำการตอบโต้อิสราเอล สืบเนื่องจากเหตุการณ์ลอบสังหารผู้นำกลุ่มฮามาสในกรุงเตหะรานเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 58 เซนต์ หรือ 0.79% ปิดที่ 72.94 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 51 เซนต์ หรือ 0.66% ปิดที่ 76.30 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลาดหุ้นทั่วโลกถูกเทขายอย่างหนักตั้งแต่เอเชียไปจนถึงอเมริกาเหนือ อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานที่อ่อนแอเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินสินทรัพย์เสี่ยง และต่างก็มองว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จำเป็นต้องเร่งปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME บ่งชี้ว่านักลงทุนให้น้ำหนักมากกว่า 86% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย. และให้น้ำหนักเพียง 14% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันดังกล่าว
อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันลดช่วงลบ เนื่องจากนักลงทุนมองว่าสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางอาจลุกลามกลายเป็นสงครามวงกว้าง หลังจากอิหร่าน รวมทั้งกลุ่มฮามาสและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ซึ่งต่างก็เป็นพันธมิตรของอิหร่านประกาศว่าจะล้างแค้นอิสราเอล หลังจากนายอิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำฝ่ายการเมืองของกลุ่มฮามาสถูกลอบสังหารในอิหร่าน และผู้บัญชาการทหารระดับสูงของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ถูกลอบสังหารในเลบานอนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบของสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ในวันนี้ ก่อนที่สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการในวันพุธ