สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 4% ในวันจันทร์ (12 ส.ค.) และเป็นการปิดในแดนบวกติดต่อกัน 5 วันทำการ โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางจะลุกลามเป็นวงกว้างและอาจส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในตลาดโลก
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 3.22 ดอลลาร์ หรือ 4.2% ปิดที่ 80.06 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 2.64 ดอลลาร์ หรือ 3.3% ปิดที่ 82.3 ดอลลาร์/บาร์เรล
กระทรวงกลาโหมสหรัฐออกแถลงการณ์ว่า สหรัฐจะส่งเรือดำน้ำติดขีปนาวุธนำวิถีและกองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตี F-35C ไปยังตะวันออกกลาง เพื่อปกป้องอิสราเอล เนื่องจากมีความเป็นไปได้ว่าอิสราเอลจะถูกโจมตีโดยอิหร่านและบรรดาพันธมิตรของอิหร่าน
อิหร่านและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ประกาศว่าจะล้างแค้นอิสราเอล หลังเกิดเหตุลอบสังหารนายอิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำฝ่ายการเมืองของกลุ่มฮามาส และนายฟูอัด ชุคร์ ผู้บัญชาการทหารระดับสูงของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ โดยตลาดคาดการณ์ว่าการโจมตีเพื่อเอาคืนอิสราเอลอาจจะทำให้ความขัดแย้งในตะวันออกกลางลุกลามเป็นวงกว้าง ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในตลาดโลกและเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมัน
บ็อบ ยอว์เกอร์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Mizuho ในรัฐนิวยอร์กกล่าวว่า หากอิหร่านโจมตีอิสราเอล ก็อาจทำให้สหรัฐตัดสินใจใช้มาตรการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันราว 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน
หน่วยบริการฉุกเฉินเพื่อพลเรือนกาซาเปิดเผยว่า กองกำลังทหารของอิสราเอลยังคงโจมตีพื้นที่ใกล้กับเมืองคานยูนิส ทางตอนใต้ของฉนวนกาซาเมื่อวานนี้ หลังจากใช้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในโรงเรียนแห่งหนึ่งเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 90 คน
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนก.ค.ของสหรัฐในวันพุธนี้ (14 ส.ค.) ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI ทั่วไป (Headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบเป็นรายเดือน หลังจากที่ปรับตัวลง 0.1% ในเดือนมิ.ย.