สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ (14 ส.ค.) หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังปรับตัวลงหลังมีสัญญาณบ่งชี้ว่าสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางอาจจะไม่ลุกลามจนส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในภูมิภาคดังกล่าว
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 1.37 ดอลลาร์ หรือ 1.75% ปิดที่ 76.98 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 93 เซนต์ หรือ 1.15% ปิดที่ 79.76 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 2.2 ล้านบาร์เรล โดยสต็อกน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 7 สัปดาห์
ราคาน้ำมันยังได้รับแรงกดดันจากสัญญาณที่บ่งชี้ว่าสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางอาจจะไม่ลุกลามบานปลาย หลังจากเจ้าหน้าที่อาวุโสของอิหร่านกล่าวว่า หากอิสราเอลยอมทำข้อตกลงหยุดยิงกับกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา ก็อาจทำให้อิหร่านตัดสินใจที่จะไม่ตอบโต้อิสราเอลในกรณีการลอบสังหารนายอิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำฝ่ายการเมืองของกลุ่มฮามาส แต่อิหร่านและพันธมิตรจะเปิดฉากโจมตีอิสราเอล หากการเจรจาหยุดยิงในฉนวนกาซาล้มเหลวหรือเห็นว่าอิสราเอลพยายามจะทำให้การเจรจายืดเยื้อ
รายงานล่าสุดระบุว่า นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ได้อนุมัติให้ตัวแทนการเจรจาของอิสราเอลเดินทางเข้าร่วมการเจรจาหยุดยิงที่กรุงโดฮา เมืองหลวงของกาตาร์ โดยการเจรจาหยุดยิงจะเริ่มขึ้นในวันนี้ (15 ส.ค.) ซึ่งจะมีตัวแทนจากอิสราเอล สหรัฐ กาตาร์ และอียิปต์ เข้าร่วมการเจรจา
ทางด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐกล่าวว่า การทำข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซาจะช่วยหลีกเลี่ยงไม่ให้อิหร่านทำการโจมตีอิสราเอล หลังเหตุลอบสังหารนายฮานิเยห์