สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ (21 ส.ค.) หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐปรับลดการประเมินตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 1.24 ดอลลาร์ หรือ 1.69% ปิดที่ 71.93 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 1.15 ดอลลาร์ หรือ 1.49% ปิดที่ 76.05 ดอลลาร์/บาร์เรล
กระทรวงแรงงานสหรัฐประกาศทบทวนตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในช่วง 12 เดือน (เม.ย. 2566 - มี.ค. 2567) โดยได้ปรับลดตัวเลขจ้างงานในช่วงเวลาดังกล่าวลงเกือบ 30% หรือปรับลดลง 818,000 ตำแหน่ง จากที่มีการรายงานก่อนหน้านี้ที่ระดับ 2.9 ล้านตำแหน่ง ซึ่งเป็นการปรับลดการประเมินตัวเลขจ้างงานลงมากที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินโลก และสะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานสหรัฐชะลอตัวลงมากกว่าที่มีการรายงานก่อนหน้านี้
ฟิล ฟลินน์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Price Futures Group กล่าวว่า ราคาน้ำมันปรับตัวลงเนื่องจากข้อมูลดังกล่าวทำให้ตลาดเริ่มกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะเผชิญภาวะฮาร์ดแลนดิง
ขณะที่ ทิม ชไนเดอร์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากบริษัท Matador Economics กล่าวว่า การปรับลดการประเมินตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรในครั้งนี้ส่งผลให้เกิดวิกฤตความเชื่อมั่นในหมู่นักลงทุน
เมื่อวันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมา ราคาน้ำมัน WTI และน้ำมันเบรนท์ ต่างก็ร่วงลงกว่า 3% หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 114,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 177,000 ตำแหน่ง และชะลอตัวจากระดับ 179,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. เนื่องจากข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย
ทั้งนี้ การที่กระทรวงแรงงานสหรัฐปรับลดการประเมินตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร ได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. รวมทั้งรายงานจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 4.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 2.7 ล้านบาร์เรล