สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกกว่า 1% ในวันพฤหัสบดี (22 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. ซึ่งจะเป็นปัจจัยกระตุ้นกิจกรรมทางเศษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 1.08 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 73.01 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 1.17 ดอลลาร์ หรือ 1.54% ปิดที่ 77.22 ดอลลาร์/บาร์เรล
เฟดเปิดเผยรายงานการประชุมนโยบายการเงินประจำเดือนก.ค.เมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่มีความเห็นว่าหากข้อมูลที่เฟดได้รับมานั้นยังคงเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ก็เป็นเรื่องเหมาะสมที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป คือในวันที่ 17-18 ก.ย."
นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดในการประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันนี้ เวลา 10.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 21.00 น.ตามเวลาไทย เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% หรือ 0.50%
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้นเพียง 4,000 ราย สู่ระดับ 232,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสะท้อนถึงการชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปของตลาดแรงงาน และเป็นการปูทางให้เฟดเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐลดลง 4.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 2.7 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 100,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 3.3 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 40,000 บาร์เรล