สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (27 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและสหรัฐฯ อาจส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันอ่อนแอลง ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวลงคือการปรับฐานทางเทคนิค
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 1.89 ดอลลาร์ หรือ 2.44% ปิดที่ 75.53 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 1.88 ดอลลาร์ หรือ 2.31% ปิดที่ 79.55 ดอลลาร์/บาร์เรล
Conference Board เปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 103.3 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน จากระดับ 101.9 ในเดือนก.ค. อย่างไรก็ดี ผู้บริโภคมีความวิตกกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับตลาดแรงงาน หลังจากอัตราว่างงานเดือนก.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับ 4.3% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี
นักวิเคราะห์จาก UBS Global Wealth Management คาดการณ์ว่า มีโอกาส 25% ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 20% ในการคาดการณ์ครั้งก่อน โดยระบุถึงตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนก.ค.
โกลด์แมน แซคส์ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 77 ดอลลาร์/บาร์เรลในปี 2568 ลดลงจากเดิมคาดไว้ที่ระดับ 82 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยระบุถึงอุปสงค์ในจีนที่อ่อนแอลง
นักวิเคราะห์จาก Ritterbusch and Associates ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านพลังงานกล่าวว่า กล่าวว่า "ราคาน้ำมันปรับตัวลง เนื่องจากการปรับฐานทางเทคนิคหลังจากราคาพุ่งขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการ แต่ก็ถือเป็นการปรับฐานที่ปกติและเหมาะสม"
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ จะลดลงราว 3 ล้านบาร์เรล