สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ (28 ส.ค.) โดยตลาดถูกกดดันจากรายงานสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ ที่ลดลงน้อยกว่าคาด รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ที่อ่อนแอในประเทศจีน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 1.01 ดอลลาร์ หรือ 1.34% ปิดที่ 74.52 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 90 เซนต์ หรือ 1.13% ปิดที่ 78.65 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันปรับตัวลง หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ ลดลงเพียง 846,000 บาร์เรล ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 2.3 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนจะส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันอ่อนแอลงด้วย หลังจากจีนเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และโรงกลั่นของจีนได้ปรับลดอัตราการแปรรูปน้ำมันดิบลงอย่างมากเนื่องจากอุปสงค์เชื้อเพลิงชะลอตัวลง
อย่างไรก็ดี ข่าวลิเบียระงับการผลิตน้ำมัน รวมทั้งความเป็นไปได้ที่สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางจะบานปลายและส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันนั้น ช่วยให้ราคาน้ำมันลดช่วงลบ
รายงานล่าสุดระบุว่า บ่อน้ำมันหลายแห่งทั่วประเทศลิเบียได้ระงับการผลิตน้ำมันแล้วในขณะนี้ หลังมีความขัดแย้งกันระหว่างรัฐบาลลิเบียตะวันออกซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองเบงกาซีกับรัฐบาลลิเบียที่ตั้งอยู่ในกรุงตริโปลีและได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ โดยทั้งสองฝ่ายมีความขัดแย้งกันในประเด็นที่ว่าฝ่ายใดควรมีอำนาจในการควบคุมธนาคารกลางลิเบีย
ธนาคารกลางลิเบียเป็นหน่วยงานแห่งเดียวของประเทศที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติในฐานะผู้รับฝากรายได้จากการค้าน้ำมัน ซึ่งเป็นรายได้ทางเศรษฐกิจที่สำคัญสำหรับลิเบีย
ทั้งนี้ ลิเบียเผชิญกับความขัดแย้งจากสองรัฐบาลที่เป็นคู่แข่งกันในตริโปลีและเบงกาซีมานานหลายปี โดยลิเบียได้รับความสงบกลับคืนมาในช่วงเวลาสั้น ๆ หลังการลุกฮือที่ได้รับการสนับสนุนจากนาโต (NATO) เพื่อโค่นล้มอำนาจเผด็จการของมูอัมมาร์ กัดดาฟี เมื่อปี 2554 ก่อนจะมีการแบ่งแยกระหว่างฝ่ายตะวันออกและฝ่ายตะวันตกในปี 2557