สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันอังคาร (3 ก.ย.) โดยปิดที่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 9 เดือน หลังมีสัญญาณบ่งชี้ว่าข้อพิพาทด้านการเมืองในลิเบียมีแนวโน้มคลี่คลายลง หลังจากที่ข้อพิพาทดังกล่าวได้ส่งผลให้ลิเบียระงับการผลิตและการส่งออกน้ำมันดิบในช่วงที่ผ่านมา
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. ร่วงลง 3.21 ดอลลาร์ หรือ 4.36% ปิดที่ 70.34 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 3.77 ดอลลาร์ หรือ 4.86% ปิดที่ 73.75 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมัน WTI และน้ำมันเบรนท์ต่างก็ปิดที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2566 หลังจากหน่วยงานฝ่ายนิติบัญญัติของลิเบียได้ตกลงที่จะแต่งตั้งผู้ว่าการธนาคารกลางคนใหม่ภายใน 30 วัน ภายหลังจากองค์การสหประชาชาติ (UN) ได้ยื่นมือเข้ามาไกล่เกลี่ยและจัดให้มีการเจรจากันระหว่างรัฐบาลลิเบียฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตก
โอเล แฮนเซน นักวิเคราะห์จาก Saxo Bank กล่าวว่า กระแสคาดการณ์ที่ว่ารัฐบาลลิเบียฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกจะสามารถทำข้อตกลงกันได้นั้น ส่งผลให้เกิดแรงเทขายในตลาดน้ำมัน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ข้อพิพาททางการเมืองในลิเบียซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศสมาชิกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ได้ทำให้เกิดความกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในตะวันออกกลาง
ทั้งนี้ รัฐบาลลิเบียตะวันออกซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองเบงกาซีมีความขัดแย้งกับรัฐบาลลิเบียที่ตั้งอยู่ในกรุงตริโปลีในประเด็นที่ว่า ฝ่ายใดควรมีอำนาจในการควบคุมธนาคารกลางลิเบียและรายได้จากน้ำมัน
ราคาน้ำมันยังถูกกดดันหลังจากสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร (โอเปกพลัส) เตรียมเดินหน้าแผนการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันรวม 180,000 บาร์เรล/วัน โดยเริ่มตั้งแต่เดือนต.ค. ซึ่งการตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ลิเบียลดการผลิตน้ำมัน อันเนื่องจากปัญหาการเมืองภายในประเทศ