สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี (5 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของอุปสงค์น้ำมันในสหรัฐและจีน รวมทั้งความเป็นไปได้ที่ลิเบียจะผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น โดยความกังวลดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ลดลงมากกว่าคาด รวมทั้งข่าวที่ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส อาจชะลอแผนการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 5 เซนต์ หรือ 0.07% ปิดที่ 69.15 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2566
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 1 เซนต์ หรือ 0.01% ปิดที่ 72.69 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2566
นักลงทุนยังคงกังวลว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและสหรัฐฯ จะส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันอ่อนแอลงด้วย โดยนักวิเคราะห์ของ UBS ระบุว่า รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) หรือ Beige Book แสดงให้เห็นว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ขยายตัวช้าลง และความเสี่ยงที่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยมีมากขึ้น
ความกังวลในเรื่องดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ลดลง 6.8 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 600,000 บาร์เรล
ทางด้านสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า โอเปกพลัสได้ตัดสินใจที่จะชะลอแผนการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันออกไปอีก 2 เดือน เนื่องจากราคาน้ำมันกำลังปรับตัวลงอย่างหนักในขณะนี้
ก่อนหน้านี้ สมาชิก 8 ชาติจากโอเปกพลัสมีกำหนดเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันรวม 180,000 บาร์เรล/วันตั้งแต่เดือนต.ค. ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการทยอยยุติการปรับลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจจำนวน 2.2 ล้านบาร์เรล/วัน