สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 2% ในวันศุกร์ (6 ก.ย.) และร่วงลงอย่างหนักในรอบสัปดาห์นี้ หลังสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลการจ้างงานเดือนส.ค.ที่อ่อนแอเกินคาด ซึ่งบดบังปัจจัยหนุนจากการที่กลุ่มโอเปกพลัสเลื่อนการปรับเพิ่มการผลิตน้ำมัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 1.48 ดอลลาร์ หรือ 2.14% ปิดที่ 67.67 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2566
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 1.63 ดอลลาร์ หรือ 2.24% ปิดที่ 71.06 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2564
ในรอบสัปดาห์นี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงราว 8% และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ร่วงลง 10%
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 142,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 164,000 ตำแหน่ง
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ยังได้ปรับลดตัวเลขการจ้างงานในเดือนก.ค.สู่ระดับ 89,000 ตำแหน่ง จากเดิมรายงานที่ระดับ 114,000 ตำแหน่ง
ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 4.2% สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับ 4.3% ในเดือนก.ค.
ความวิตกเกี่ยวกับอุปสงค์จากจีนกดดันราคาน้ำมันด้วย
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันปรับตัวลง แม้สต็อกน้ำมันของสหรัฐฯ ลดลง และโอเปกพลัสตัดสินใจเลื่อนแผนการปรับเพิ่มการผลิตน้ำมันออกไปก็ตาม
สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ลดลง 6.9 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 418.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา มากกว่าที่นักวิเคราะห์ที่ได้รับการสำรวจโดยรอยเตอร์คาดไว้ว่าอาจลดลง 993,000 บาร์เรล
เบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นบริษัทบริการด้านพลังงานของสหรัฐฯ เปิดเผยในวันศุกร์ว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นบ่งชี้ผลผลิตในอนาคต ยังคงทรงตัวที่ 483 แท่นในสัปดาห์นี้