สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเล็กน้อยในวันจันทร์ (30 ก.ย.) แต่ดิ่งลงอย่างหนักเมื่อพิจารณาตลอดเดือนก.ย.และตลอดไตรมาส 3/2567 เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะชะลอตัวของอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกได้บดบังปัจจัยบวกจากแนวโน้มอุปทานน้ำมันตึงตัวอันเนื่องมาจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 1 เซนต์ หรือ 0.01% ปิดที่ 68.17 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 21 เซนต์ หรือ 0.29% ปิดที่ 71.77 ดอลลาร์/บาร์เรล
เมื่อพิจารณาตลอดเดือนก.ย. สัญญาน้ำมันเบรนท์ร่วงลง 9% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงรายเดือนที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2565 และเมื่อพิจารณาตลอดทั้งไตรมาส 3/2567 สัญญาน้ำมันเบรนท์ดิ่งลง 17% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงรายไตรมาสที่รุนแรงที่สุดในรอบ 1 ปี
ส่วนสัญญาน้ำมัน WTI ร่วงลง 7% ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงรายเดือนที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2566 และดิ่งลง 16% ในไตรมาส 3/2567 ซึ่งเป็นการปรับตัวลงรายไตรมาสที่มากที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 3/2566
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะชะลอตัวของอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกยังคงเป็นปัจจัยกดดันตลาด โดยเฉพาะในประเทศจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ของโลก โดยนักลงทุนไม่มั่นใจว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนจะสามารถทำให้อุปสงค์ภายในประเทศฟื้นตัวได้หรือไม่
นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดของจีนยังบ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่อ่อนแอ โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนก.ย. หดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 และดัชนี PMI ภาคบริการเดือนก.ย.ชะลอตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 21 เดือน
ราคาน้ำมัน WTI ร่วงลงในสัปดาห์ที่แล้ว ท่ามกลางความกังวลต่อการที่ซาอุดีอาระเบียเตรียมยกเลิกการกำหนดเป้าหมายราคาน้ำมันอย่างไม่เป็นทางการที่ระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล และจะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในเดือนธ.ค.
นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ในตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิด เนื่องจากการสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์อาจทำให้อิหร่านเข้าร่วมในการทำสงครามและส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในตลาด