สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นในวันศุกร์ (27 ก.ย.) แต่ลดลงในรอบสัปดาห์นี้ ขณะที่นักลงทุนชั่งน้ำหนักระหว่างการคาดการณ์เกี่ยวกับปริมาณน้ำมันที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 51 เซนต์ หรือ 0.75% ปิดที่ 68.18 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 38 เซนต์ หรือ 0.53% ปิดที่ 71.98 ดอลลาร์/บาร์เรล
แต่ในรอบสัปดาห์นี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลงราว 5% และน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวลงราว 3%
ธนาคารกลางจีนได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยและอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบธนาคารเมื่อวันศุกร์ เพื่อพยายามกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจให้กลับสู่เป้าหมายที่ประมาณ 5% ในปีนี้
นอกจากนี้ คาดว่าจีนจะประกาศมาตรการด้านการคลังเพิ่มเติมก่อนวันหยุดของจีนที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. หลังจากการประชุมของผู้นำระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์แสดงให้เห็นถึงความเร่งด่วนมากขึ้นในการรับมือกับแรงกดดันด้านเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพันธมิตรหรือโอเปกพลัส จะดำเนินการตามแผนการเพิ่มการผลิตน้ำมัน 180,000 บาร์เรลต่อวันในแต่ละเดือนโดยเริ่มตั้งแต่เดือนธ.ค.
รายงานของไฟแนนเชียลไทม์สเมื่อวันพุธระบุว่า แผนเพิ่มการผลิตนั้นเกิดจากการที่ซาอุดีอาระเบียตัดสินใจที่จะยกเลิกเป้าหมายราคาน้ำมันที่ระดับ 100 ดอลลาร์ และเพิ่มส่วนแบ่งตลาด
อย่างไรก็ตาม ซาอุดีอาระเบียได้ปฏิเสธหลายครั้งว่าไม่ได้มีการกำหนดเป้าหมายราคาน้ำมันไว้ และแหล่งข่าวจากกลุ่มโอเปกพลัสให้ข้อมูลกับรอยเตอร์ว่า การวางแผนเพิ่มการผลิตตั้งแต่เดือนธ.ค.ไม่ได้แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญใด ๆ จากนโยบายปัจจุบัน
ในสหรัฐฯ นั้น ผู้ประกอบการบางรายเริ่มกลับมาดำเนินการในอ่าวเม็กซิโกอีกครั้ง หลังจากพายุเฮอร์ริเคนเฮลีน (Helene) พัดขึ้นฝั่งในรัฐฟลอริดาเมื่อคืนวันพฤหัสบดี โดยในวันศุกร์ บริษัทเชฟรอน (Chevron) ได้เริ่มส่งเจ้าหน้าที่กลับไปฟื้นฟูกำลังการผลิตที่แท่นขุดเจาะต่าง ๆ
ด้านนายกรัฐมนตรีรักษาการของเลบานอน นาจิบ มิกาติ กล่าวว่า การโจมตีของอิสราเอลในเขตชานเมืองทางตอนใต้ของกรุงเบรุตในวันศุกร์นั้นแสดงให้เห็นว่าอิสราเอลไม่ใส่ใจต่อความพยายามที่จะทำข้อตกลงหยุดยิง ซึ่งก็ได้ช่วยหนุนราคาน้ำมัน