สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 2% ในวันอังคาร (1 ต.ค.) หลังจากอิหร่านได้ยิงขีปนาวุธโจมตีอิสราเอล เพื่อตอบโต้อิสราเอลที่ใช้ปฏิบัติการสังหารผู้นำกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ซึ่งเป็นพันธมิตรของอิหร่าน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 1.66 ดอลลาร์ หรือ 2.44% ปิดที่ 69.83 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.86 ดอลลาร์ หรือ 2.59% ปิดที่ 73.56 ดอลลาร์/บาร์เรล
กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน (IRGC) ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า อิหร่านได้ยิงขีปนาวุธหลายสิบลูกโจมตีอิสราเอล เพื่อตอบโต้อิสราเอลที่สังหารประชาชนในฉนวนกาซา รวมทั้งผู้นำของกลุ่มฮามาสและฮิซบอลเลาะห์ นอกจากนี้ IRGC เตือนว่า อิสราเอลจะถูกถล่มอย่างย่อยยับหากทำการตอบโต้อิหร่าน
ก่อนที่อิหร่านจะเปิดฉากโจมตีอิสราเอลไม่นาน สำนักข่าว CNN รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวในทำเนียบขาวว่า สหรัฐฯ เชื่อว่าอิหร่านกำลังเตรียมการยิงขีปนาวุธพิสัยไกลแบบทิ้งตัว (ballistic missile) โจมตีโดยตรงต่ออิสราเอลในไม่ช้า และสหรัฐฯ เตรียมให้การสนับสนุนระบบป้องกันของอิสราเอลเพื่อรับมือการโจมตีในครั้งนี้
เคลย์ ซีเกิล ผู้เชี่ยวชาญด้านความเสี่ยงทางการเมืองจากองค์กรอิสระเชื่อว่า อิสราเอลจะไม่ลังเลในการขยายปฏิบัติการทางทหารเพื่อโจมตีอิหร่านโดยตรง และคาดว่าทรัพย์สินด้านน้ำมันของอิหร่านน่าจะอยู่ในเป้าหมายการโจมตีด้วย โดยหากอิสราเอลโจมตีแหล่งผลิตหรือส่งออกน้ำมันของอิหร่านก็อาจจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันมากกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมมันดิบจะลดลง 1.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 27 ก.ย.