สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (30 ต.ค.) หลังจากมีรายงานข่าวว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส อาจเลื่อนแผนการปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากสต็อกน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลงอย่างเหนือความคาดหมาย
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.40 ดอลลาร์ หรือ 2.08% ปิดที่ 68.61 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.43 ดอลลาร์ หรือ 2.01% ปิดที่ 72.55 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า กลุ่มโอเปกพลัสอาจเลื่อนแผนการปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันออกไปอีก 1 เดือน หรือมากกว่านั้น จากเดิมที่กำหนดไว้ในเดือนธ.ค. ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ที่อ่อนแอในตลาด และอุปทานน้ำมันที่เพิ่มขึ้น โดยก่อนหน้านี้ โอเปกพลัสมีแผนปรับเพิ่มกำลังการผลิต 180,000 บาร์เรล/วันในเดือนธ.ค.
แหล่งข่าวระบุว่า โอเปกพลัสอาจตัดสินใจประกาศชะลอแผนการปรับเพิ่มกำลังการผลิตดังกล่าวอย่างเร็วที่สุดในสัปดาห์หน้า ก่อนที่จะมีการประชุมกำหนดนโยบายการผลิตอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ธ.ค.
ราคาน้ำมันยังได้ปัจจัยหนุนจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ลดลง 515,000 บาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 2.7 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 600,000 บาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 977,000 บาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล
รายงานของ EIA ยังระบุด้วยว่า สหรัฐฯ นำเข้าน้ำมันดิบจากซาอุดีอาระเบียลดลงสู่ระดับ 13,000 บาร์เรล/วันในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2564 โดยลดลงจากระดับ 150,000 ล้านบาร์เรล/วันในสัปดาห์ก่อนหน้า ขณะที่การนำเข้าน้ำมันดิบจากแคนาดา อิรัก โคลอมเบีย และบราซิลปรับตัวลงในสัปดาห์ที่แล้วเช่นกัน