สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (5 พ.ย.) ขานรับการคาดการณ์ที่ว่าพายุโซนร้อนราฟาเอล (Rafael) อาจจะส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันในอ่าวเม็กซิโก นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงท่ามกลางความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 52 เซนต์ หรือ 0.73% ปิดที่ 71.99 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 45 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 75.53 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นหลังจากมีรายงานว่า บริษัทพลังงานหลายแห่งในอ่าวเม็กซิโกได้เริ่มอพยพคนงานออกจากแท่นขุดเจาะน้ำมัน ก่อนที่พายุโซนร้อนราฟาเอลจะพัดถล่มอ่าวเม็กซิโก โดยคาดว่าพายุโซนร้อนลูกนี้จะทวีกำลังจนกลายเป็นพายุเฮอร์ริเคนในสัปดาห์นี้ และอาจส่งผลให้การผลิตน้ำมันในพื้นที่ดังกล่าวลดลงราว 4 ล้านบาร์เรล
ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากข้อมูลที่บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐฯ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 56.0 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2565 จากระดับ 54.9 ในเดือนก.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 53.8
นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมัน เนื่องจากเมื่อดอลลาร์อ่อนค่าลงจะทำให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาที่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.45% แตะระดับ 103.421 เมื่อคืนนี้
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) ในวันนี้ เวลาประมาณ 22.30 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 1 พ.ย.