ราคาน้ำมัน WTI ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดร่วงลงกว่า 2% ใกล้หลุดระดับ 67 ดอลลาร์ โดยถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และความวิตกเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด
ณ เวลา 00.55 น.ตามเวลาไทย ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลบ 1.56 ดอลลาร์ หรือ 2.27% สู่ระดับ 67.14 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันมีแนวโน้มดิ่งลงกว่า 2% ในสัปดาห์นี้ หลังดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ที่นายโดนัลด์ ทรัมป์คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ โดยการแข็งค่าของดอลลาร์จะลดความน่าดึงดูดของสัญญา ทำให้สัญญาน้ำมันมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ออกรายงานเตือนเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด โดยระบุว่าปริมาณน้ำมันดิบทั่วโลกจะมากกว่าอุปสงค์ราว 1 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2568 ขณะที่สหรัฐเพิ่มกำลังการผลิต
ทางด้านกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ได้ปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันโลกเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน โดยระบุว่า อุปสงค์น้ำมันโลกจะมีการขยายตัว 1.82 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2567 ลดลงจากระดับ 1.93 ล้านบาร์เรล/วันที่มีการคาดการณ์ในเดือนต.ค.
นอกจากนี้ โอเปกคาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันโลกจะมีการขยายตัว 1.54 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2568 ลดลงจากระดับ 1.64 ล้านบาร์เรล/วันที่มีการคาดการณ์ในเดือนต.ค.
ส่วนยูบีเอสได้ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์สู่ระดับ 80 ดอลลาร์/บาร์เรล จากเดิมที่ระดับ 87 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยถูกกระทบจากอุปสงค์ที่อ่อนแอในจีน ซึ่งเป็นประเทศนำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก