ราคาน้ำมัน WTI ดีดตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดพุ่งขึ้นเหนือระดับ 71 ดอลลาร์ในวันนี้ ขณะที่การทำสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนมีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้น
ณ เวลา 23.02 น.ตามเวลาไทย ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนธ.ค. บวก 0.93 ดอลลาร์ หรือ 1.33% สู่ระดับ 71.03 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมัน WTI มีแนวโน้มพุ่งขึ้นกว่า 5% ในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดเมื่อเทียบรายสัปดาห์นับตั้งแต่เดือนก.ย.
ทั้งนี้ รัสเซียได้ยิงขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) จากแคว้นอัสตราคันทางตอนใต้ของรัสเซียเพื่อโจมตียูเครน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่รัสเซียใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลที่มีอานุภาพร้ายแรงดังกล่าวในการทำสงครามกับยูเครน
การโจมตีดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ขู่ใช้อาวุธนิวเคลียร์ต่อชาติตะวันตก ด้วยการลงนามในกฤษฎีกาอนุมัติหลักการใหม่สำหรับการใช้อาวุธนิวเคลียร์
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการเปิดเผยของแหล่งข่าวที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีแนวโน้มเลื่อนแผนการปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในการประชุมที่จะมีขึ้นในวันที่ 1 ธ.ค. ท่ามกลางอุปสงค์ที่ซบเซาในตลาดโลก
ด้านนายอเล็กซานเดอร์ โนวัค รองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียกำลังเตรียมการสำหรับการยกเลิกคำสั่งจำกัดการส่งออกน้ำมันเบนซิน
อย่างไรก็ดี นายโนวัคไม่ได้เปิดเผยกรอบเวลาที่ชัดเจนเกี่ยวกับการยกเลิกคำสั่งดังกล่าว
ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมา รัสเซียได้ประกาศขยายเวลาคำสั่งจำกัดการส่งออกน้ำมันเบนซินจนถึงสิ้นปี 2567
ทั้งนี้ รัสเซียผลิตน้ำมันเบนซินจำนวน 43.9 ล้านตันในปี 2566 และส่งออกจำนวน 5.76 ล้านตัน หรือราว 13% ของปริมาณการผลิต โดยประเทศที่นำเข้าน้ำมันเบนซินมากที่สุดจากรัสเซียเป็นประเทศจากแอฟริกา ซึ่งได้แก่ ไนจีเรีย ลิเบีย และตูนิเซีย