สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (10 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่าอุปสงค์น้ำมันในจีนจะปรับตัวสูงขึ้น หลังจากจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ รวมทั้งการคาดการณ์ว่าอุปทานน้ำมันในยุโรปจะเผชิญภาวะตึงตัวในช่วงฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึง
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 22 เซนต์ หรือ 0.32% ปิดที่ 68.59 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 5 เซนต์ หรือ 0.07% ปิดที่ 72.19 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันได้รับปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่า กรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) ระบุว่า จีนจะใช้มาตรการทางการคลังในเชิงรุกมากขึ้น รวมทั้งใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายในปีหน้าเพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ โดยนับเป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปีหรือนับตั้งแต่ปี 2553 ที่จีนส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงิน แม้ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดมากนักก็ตาม
ขณะเดียวกันจีนนำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน
ฟิล ฟลินน์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Price Futures Group กล่าวว่า กลุ่มเฮดจ์ฟันด์เริ่มส่งแรงซื้อเข้ามาในตลาด ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่าอุปทานน้ำมันในยุโรปจะเผชิญภาวะตึงตัวในช่วงฤดูหนาว
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันจะได้แรงหนุนหากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ในการประชุมวันที่ 17-18 ธ.ค. ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะช่วยกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
นักลงทุนจับตาสถานการณ์ในซีเรีย โดยล่าสุดมีรายงานว่า โมฮัมเหม็ด อัล-บาชีร์ ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการให้เป็นรักษาการนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลซีเรียในช่วงการเปลี่ยนผ่านจนถึงวันที่ 1 มี.ค.2568 หลังการล่มสลายของระบอบการปกครองของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด