สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (11 ธ.ค.) หลังจากมีรายงานว่าสหภาพยุโรป (EU) ประกาศคว่ำบาตรน้ำมันของรัสเซียรอบใหม่ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกน้ำมันของรัสเซียและอาจทำให้อุปทานน้ำมันดิบทั่วโลกอยู่ในภาวะตึงตัว
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 1.70 ดอลลาร์ หรือ 2.48% ปิดที่ 70.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 1.33 ดอลลาร์ หรือ 1.84% ปิดที่ 73.52 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น หลังจากคณะเอกอัครราชทูตของ EU มีมติเห็นชอบต่อมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียครั้งที่ 15 เมื่อวานนี้ อันเนื่องมาจากที่รัสเซียรุกรานยูเครนและก่อให้เกิดการทำสงคราม
เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ได้โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์ม X เพื่อสนับสนุนการอนุมัติมาตรการคว่ำบาตรครั้งที่ 15 ซึ่งพุ่งเป้าไปที่กองเรือที่ลักลอบขนส่งน้ำมันของรัสเซีย โดยระบุว่ากองเรือเหล่านี้ช่วยให้รัสเซียหลีกเลี่ยงการกำหนดเพดานราคาน้ำมันที่ 60 ดอลลาร์/บาร์เรลซึ่งกลุ่ม G7 ได้บังคับใช้เพดานดังกล่าวกับการขนส่งน้ำมันดิบทางทะเลของรัสเซียในปี 2565 และระบุว่าการกระทำดังกล่าวของรัสเซียส่งผลให้น้ำมันของรัสเซียยังคงไหลเวียนในตลาด
ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1 ล้านบาร์เรล
อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันลดช่วงบวก หลังจากรายงานของ EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้น 5.0 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 200,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล พุ่งขึ้น 3.2 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 900,000 บาร์เรล
ราคาน้ำมันยังถูกกดดันในระหว่างวัน หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในปี 2567 และ 2568 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 เมื่อวานนี้
ทั้งนี้ โอเปกคาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกในปี 2567 จะขยายตัว 1.61 ล้านบาร์เรล/วัน ลดลงจากระดับ 1.82 ล้านบาร์เรล/วันที่มีการคาดการณ์ในเดือนพ.ย. และคาดว่าอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกในปี 2568 จะขยายตัว 1.45 ล้านบาร์เรล/วัน ลดลงจากระดับ 1.54 ล้านบาร์เรล/วันที่มีการคาดการณ์ในเดือนพ.ย.