สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี (12 ธ.ค.) หลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ออกรายงานเตือนเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาดในปี 2568
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 27 เซนต์ หรือ 0.38% ปิดที่ 70.02 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 11 เซนต์ หรือ 0.15% ปิดที่ 73.41 ดอลลาร์/บาร์เรล
รายงานของ IEA ระบุว่า ตลาดจะมีอุปทานน้ำมันส่วนเกิน 950,000 บาร์เรล/วันในปี 2568 ซึ่งเกือบเท่ากับ 1% ของผลผลิตน้ำมันทั่วโลก และคาดการณ์ว่าอุปทานน้ำมันส่วนเกินจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.4 ล้านบาร์เรล/วัน หากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส เริ่มปรับเพิ่มกำลังผลิตในเดือนเม.ย. 2568
IEA คาดว่า ประเทศนอกกลุ่มโอเปกพลัส นำโดยสหรัฐ แคนาดา กายอานา บราซิล และอาร์เจนตินา จะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันราว 1.5 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2568 ซึ่งมากกว่าอัตราการขยายตัวของอุปสงค์น้ำมัน
นอกจากนี้ IEA คาดว่า อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกจะชะลอตัวลงต่อไปในปี 2568 ขณะที่อุปทานน้ำมันในตลาดยังคงอยู่ในระดับสูง
รายงานของ IEA สอดคล้องกับมุมมองของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) โดยโอเปกคาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกในปี 2567 จะขยายตัว 1.61 ล้านบาร์เรล/วัน ลดลงจากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 1.82 ล้านบาร์เรล/วัน และคาดว่าอุปสงค์น้ำมันในปี 2568 จะขยายตัว 1.45 ล้านบาร์เรล/วัน ลดลงจากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 1.54 ล้านบาร์เรล/วัน
อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันลดช่วงลบ โดยตลาดได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนยังคงคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 17-18 ธ.ค. ซึ่งการปรับลดดอกเบี้ยจะเป็นปัจจัยกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน