สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ (16 ธ.ค.) โดยตลาดถูกกดดันจากการที่จีนเปิดเผยตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคที่อ่อนแอลง และจากการที่นักลงทุนชะลอคำสั่งซื้อก่อนที่จะรู้ผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 58 เซนต์ หรือ 0.81% ปิดที่ 70.71 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 58 เซนต์ หรือ 0.78% ปิดที่ 73.91 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้นเพียง 3% ซึ่งชะลอตัวลงอย่างมากจากเดือนต.ค. ที่พุ่งขึ้น 4.8% และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 4.6%
ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคจีนอ่อนแอลงอย่างมาก และทำนักลงทุนกังวลว่าอุปสงค์น้ำมันในจีนจะชะลอตัวลงด้วย โดยจีนเป็นประเทศที่นำเข้าน้ำมันมากที่สุดในโลก
โทนี ไซคามอร์ นักวิเคราะห์จากบริษัท IG กล่าวว่า นอกจากความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ในประเทศจีนแล้ว ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากการที่นักลงทุนขายทำกำไรก่อนที่จะรู้ผลการประชุมเฟดในวันพุธนี้
นักลงทุนจับตาผลการประชุมเฟดในวันพุธนี้อย่างใกล้ชิด รวมทั้งจับตาการแถลงข่าวของเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด และรายงานคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ของเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยในปี 2568
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบจากสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ในวันนี้ ก่อนที่สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการในวันพุธ