สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (18 ธ.ค.) หลังสหรัฐฯ เปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ราคาน้ำมันลดช่วงบวกหลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ส่งสัญญาณชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 50 เซนต์ หรือ 0.71% ปิดที่ 70.58 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 20 เซนต์ หรือ 0.27% ปิดที่ 73.39 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันได้รับปัจจัยหนุนหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบลดลง 934,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 13 ธ.ค. ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 3.1 ล้านบาร์เรล แต่สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 2.3 ล้านบาร์เรล
ราคาน้ำมันลดช่วงบวก หลังจากเฟดมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลง 0.25% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ตามคาด แต่ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) นั้น เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2568 ลงเพียง 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 0.50% จากเดิมที่ส่งสัญญาณในเดือนก.ย.ว่าจะปรับลดดอกเบี้ย 4 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 1.00% ในปี 2568
นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังสร้างแรงกดดันต่อตลาดน้ำมันในระหว่างวัน โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน พุ่งขึ้น 1% แตะที่ 108.024 จุด
ทั้งนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาที่แพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ
สำหรับสถานการณ์ล่าสุดในตะวันออกกลางนั้น สถานีโทรทัศน์อัล อาราบิยารายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า กลุ่มฮามาสยินยอมที่จะปล่อยตัวประกันชาวอิสราเอลที่จำเป็นต้องได้รับการดูแลทางการแพทย์ รวมทั้งผู้สูงอายุ และทหารหญิงที่ถูกควบคุมตัวในฉนวนกาซา ตามกรอบข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส