สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี (19 ธ.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ส่งสัญญาณชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าอาจจะส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันอ่อนแอลงในปีหน้า
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 67 เซนต์ หรือ 0.95% ปิดที่ 69.91 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 51 เซนต์ หรือ 0.69% ปิดที่ 72.88 ดอลลาร์/บาร์เรล
เฟดมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลง 0.25% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา แต่ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) นั้น เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2568 ลงเพียง 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% จากเดิมที่ส่งสัญญาณในเดือนก.ย.ว่าจะปรับลดดอกเบี้ย 4 ครั้ง ครั้งละ 0.25%
ขณะที่เจอโรม พาวเวล ประธานเฟดกล่าวว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในอนาคตนั้น จะเป็นไปอย่างระมัดระวังและจะขึ้นอยู่กับว่าเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงหรือไม่
ทางด้านธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.75% ในการประชุมเมื่อวานนี้ตามคาด แต่ผลการประชุมครั้งนี้ไม่เป็นเอกฉันท์ เนื่องจากมีกรรมการบางคนของ BoE ต้องการให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อรับมือกับเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัวลง
ล่าสุด นักลงทุนให้น้ำหนักเพียง 50% ที่ BoE จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.พ. 2568 และคาดว่า BoE จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งในปี 2568
นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์ มีราคาที่แพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ โดยดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.36% แตะที่ระดับ 108.409 เมื่อคืนนี้