สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยในวันศุกร์ (20 ธ.ค.) ขณะที่นักลงทุนประเมินแนวโน้มอุปสงค์ของจีนและการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลังสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อต่ำกว่าคาด
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 8 เซนต์ หรือ 0.12% ปิดที่ 69.46 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 6 เซนต์ หรือ 0.08% ปิดที่ 72.94 ดอลลาร์/บาร์เรล
แต่ในรอบสัปดาห์นี้ ทั้งสัญญาน้ำมันดิบ WTI และน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวลงราว 2.5%
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงจากระดับสูงสุดในรอบสองปี แต่ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน หลังจากข้อมูลแสดงให้เห็นว่าเงินเฟ้อในสหรัฐฯ เริ่มชะลอตัว หลังจากเมื่อวันพุธ (18 ธ.ค.) ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง แต่ลดคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า
เงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงทำให้น้ำมันมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือสกุลเงินอื่น ๆ ในขณะที่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยอาจช่วยกระตุ้นความต้องการน้ำมัน
บริษัทซิโนเปค (Sinopec) ซึ่งเป็นบริษัทกลั่นน้ำมันของรัฐบาลจีนระบุในรายงานแนวโน้มพลังงานประจำปีเมื่อวันพฤหัสบดีว่า การนำเข้าน้ำมันดิบของจีนอาจแตะระดับสูงสุดอย่างเร็วที่สุดในปี 2568 และการใช้น้ำมันของจีนจะแตะจุดสูงสุดภายในปี 2570 ขณะที่ความต้องการน้ำมันดีเซลและเบนซินลดลง
เอมริล จามิล ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยอาวุโสจาก LSEG กล่าวว่า กลุ่มโอเปกพลัสจำเป็นต้องรักษาวินัยด้านอุปทานเพื่อหนุนราคาน้ำมัน และลดความวิตกกังวลของตลาดเกี่ยวกับการปรับลดแนวโน้มอุปสงค์น้ำมันอย่างต่อเนื่อง
กลุ่มโอเปกพลัสซึ่งประกอบด้วยกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศพันธมิตร ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของความต้องการน้ำมันโลกในปี 2567 เป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน
เจพีมอร์แกน (JPMorgan) คาดว่าตลาดน้ำมันจะเปลี่ยนจากภาวะสมดุลในปี 2567 ไปสู่ภาวะที่มีอุปทานส่วนเกิน 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2568 โดยเจพีมอร์แกนคาดการณ์ว่า อุปทานนอกกลุ่มโอเปกพลัส จะเพิ่มขึ้น 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2568 ขณะที่การผลิตของโอเปกจะยังคงอยู่ที่ระดับปัจจุบัน
โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่า สหภาพยุโรป (EU) อาจเผชิญกับการเก็บภาษี หากไม่ลดความไม่สมดุลด้านการค้ากับสหรัฐฯ ด้วยการซื้อน้ำมันและก๊าซปริมาณมากจากสหรัฐฯ
ในความเคลื่อนไหวที่อาจลดอุปทานน้ำมันในตลาดนั้น สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า กลุ่มประเทศ G7 กำลังพิจารณาวิธีการคุมเข้มเพดานราคาน้ำมันของรัสเซีย เช่น การแบนอย่างเด็ดขาดหรือการปรับลดเพดานราคาลง
รัสเซียสามารถหลีกเลี่ยงเพดานราคาที่กำหนดไว้ที่ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลซึ่งถูกบังคับใช้ในปี 2565 หลังการรุกรานยูเครน โดยใช้กองเรือเงาของตัวเอง ซึ่ง EU และอังกฤษได้เพิ่มการคว่ำบาตรต่อกองเรือดังกล่าวในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา