สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ (30 ธ.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า สภาพอากาศที่หนาวเย็นในสหรัฐฯ และยุโรปจะเป็นปัจจัยหนุนความต้องการน้ำมันดีเซลในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 39 เซนต์ หรือ 0.55% ปิดที่ 70.99 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 22 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 74.39 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดีเซลชนิดกำมะถันต่ำพิเศษ (ULSD) พุ่งขึ้น 2.5% แตะระดับ 2.30 ดอลลาร์/แกลลอน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 5 พ.ย.
นักวิเคราะห์จากบริษัท TACenergy กล่าวว่า ราคาน้ำมันดีเซลพุ่งขึ้นนำตลาด เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่าสภาพอากาศที่หนาวเย็นขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าจะช่วยให้ความต้องการใช้น้ำมันดีเซลปรับตัวสูงขึ้นด้วย โดยน้ำมันดีเซลเป็นตัวเลือกทดแทนการใช้ก๊าซธรรมชาติสำหรับการทำความร้อนในอาคาร
อเล็กซ์ โฮดส์ นักวิเคราะห์จากบริษัท StoneX กล่าวว่า นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในวันนี้ รวมทั้งดัชนีภาคการผลิตเดือนธ.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐฯ (ISM) ของสหรัฐฯ ในวันศุกร์ เพื่อประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และจีน ซึ่งเป็นสองประเทศที่ใช้น้ำมันรายใหญ่ของโลก
นักวิเคราะห์ของ StoneX ยังกล่าวด้วยว่า ตลาดคาดการณ์ว่าโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะคว่ำบาตรอิหร่านด้วยการลดการส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่านลงสู่ระดับต่ำกว่า 500,000 บาร์เรล/วัน ซึ่งจะส่งผลให้อุปทานน้ำมันดิบไหลออกจากตลาดโลกในปริมาณกว่า 1 ล้านบาร์เรล/วัน
ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ของสหรัฐฯ จะทำการซื้อขายเพียงครึ่งวันในวันนี้ (31 ธ.ค.) ก่อนปิดทำการในวันพุธที่ 1 ม.ค. เนื่องในวันปีใหม่