สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นมากกว่า 3% ในวันศุกร์ (10 ม.ค.) เนื่องจากบรรดาเทรดเดอร์คาดว่า อุปทานน้ำมันจะได้รับผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ของสหรัฐฯ ที่มุ่งเป้าไปที่อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซของรัสเซีย
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. พุ่งขึ้น 2.65 ดอลลาร์ หรือ 3.58% ปิดที่ 76.57 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. พุ่งขึ้น 2.84 ดอลลาร์ หรือ 3.69% ปิดที่ 79.76 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังปรับตัวขึ้นทะลุระดับ 80 ดอลลาร์ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค.
รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้ออกมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ที่มุ่งเป้าไปที่ผู้ผลิตน้ำมัน, เรือบรรทุกน้ำมัน, คนกลาง, เทรดเดอร์ และท่าเรือต่าง ๆ ของรัสเซีย โดยมีเป้าหมายที่จะทำลายทุกขั้นตอนในห่วงโซ่การผลิตและการจัดจำหน่ายน้ำมันของรัสเซีย
สัญญาน้ำมันดิบ WTI และน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งขึ้นมากกว่า 4% ในระหว่างวัน หลังจากเทรดเดอร์ในยุโรปและเอเชียส่งต่อเอกสารเกี่ยวกับรายละเอียดของมาตรการคว่ำบาตรดังกล่าว
แหล่งข่าวในวงการการค้าน้ำมันของรัสเซียและอินเดียเปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า มาตรการคว่ำบาตรจะทำให้การส่งออกน้ำมันของรัสเซียไปยังลูกค้าหลักอย่างอินเดียและจีนได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง
จิโอวานนี สเตาโนโว นักวิเคราะห์จากยูบีเอส (UBS) กล่าวว่า มาตรการคว่ำบาตรจะทำให้ปริมาณการส่งออกน้ำมันของรัสเซียลดลง และทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น
เขาระบุเสริมว่า การกำหนดมาตรการคว่ำบาตรในช่วงเวลานี้ ซึ่งเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันก่อนที่โดนัลด์ ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ นั้น มีแนวโน้มที่ทรัมป์จะดำเนินมาตรการคว่ำบาตรต่อไป และใช้เป็นเครื่องมือในการเจรจาข้อตกลงสันติภาพในยูเครน
อเล็กซ์ โฮเดส นักวิเคราะห์จากบริษัทโบรกเกอร์สโตนเอ็กซ์ (StoneX) กล่าวว่า ราคาน้ำมันยังได้รับแรงหนุนจากอากาศที่หนาวจัดในสหรัฐฯ และยุโรป ซึ่งทำให้ความต้องการน้ำมันสำหรับทำความร้อนเพิ่มขึ้น