สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลดลงในวันศุกร์ (31 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับการที่สหรัฐฯ จะเก็บภาษีจากสินค้านำเข้าของเม็กซิโกและแคนาดาในวันเสาร์นี้ (1 ก.พ.) โดยทั้ง 2 ประเทศเป็นผู้ส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดให้แก่สหรัฐฯ
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 20 เซนต์ หรือ 0.27% ปิดที่ 72.53 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 11 เซนต์ หรือ 0.14% ปิดที่ 76.76 ดอลลาร์/บาร์เรล
ในรอบสัปดาห์นี้ ราคาน้ำมันดิบ WTI และน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวลง 2.9% และ 2.1% ตามลำดับ ซึ่งเป็นการปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน เนื่องจากตลาดคาดว่า การเก็บภาษีนำเข้าจะทำให้ราคาน้ำมันแพงขึ้นสำหรับชาวอเมริกัน และจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกและความต้องการพลังงาน
แต่ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวขึ้นในการซื้อขายหลังปิดตลาดในวันศุกร์ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์คาดว่า รัฐบาลของเขาจะลดภาษีนำเข้าน้ำมันจากแคนาดาจาก 25% เป็น 10% และจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าน้ำมันและก๊าซประมาณวันที่ 18 ก.พ. ซึ่งช้ากว่าที่คาดกันไว้ในตอนแรก
"เราจะเรียกเก็บภาษีน้ำมันและก๊าซ" ทรัมป์กล่าวกับนักข่าวที่ทำเนียบขาว "มันจะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ ผมคิดว่าจะประมาณวันที่ 18 ก.พ."
เมื่อถูกถามว่าภาษีที่จะเริ่มเก็บในวันเสาร์นี้จะรวมถึงน้ำมันดิบจากแคนาดาด้วยหรือไม่ ทรัมป์ตอบว่า "ผมคงจะลดภาษีลงเล็กน้อยสำหรับน้ำมัน เราคิดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ 10%"
ก่อนหน้านี้ ทรัมป์เคยขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษี 25% สำหรับการนำเข้าสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโกมายังสหรัฐฯ ในวันที่ 1 ก.พ. แต่ยังไม่ได้ชี้แจงว่า น้ำมันและก๊าซจะได้รับการยกเว้นหรือไม่
นักวิเคราะห์กล่าวว่า แคนาดาและเม็กซิโกเป็นผู้ส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ โดยเฉพาะน้ำมันดิบจากแคนาดาที่ใช้ในโรงกลั่นหลายแห่งในภูมิภาคมิดเวสต์ของสหรัฐฯ และปริมาณน้ำมันดิบที่ลดลงจะทำให้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงปรับตัวสูงขึ้น
ลิเวีย กัลลาราติ นักวิเคราะห์จาก Energy Aspects กล่าวว่า การเก็บภาษีนำเข้าอาจส่งผลให้การผลิตในโรงกลั่นของสหรัฐฯ ลดลงอย่างมาก
นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ของแคนาดากล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า แคนาดาจะตอบโต้ทันทีและอย่างแข็งกร้าว หากสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษี และเตือนชาวแคนาดาว่า พวกเขาอาจต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก
ตลาดจับตาการประชุมของกลุ่มโอเปกพลัสในวันจันทร์ (3 ก.พ.) ซึ่งคาดว่า โอเปกพลัสไม่น่าที่จะปรับเปลี่ยนแผนการที่จะเพิ่มการผลิตอย่างค่อยเป็นค่อยไปในการประชุมดังกล่าว แม้ว่าทรัมป์ได้เรียกร้องให้โอเปกและซาอุดีอาระเบียในฐานะผู้นำที่ไม่เป็นทางการของกลุ่มดำเนินการปรับลดราคาน้ำมันลงก็ตาม
ส่วนจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้การผลิตในอนาคตนั้น เพิ่มขึ้น 7 แท่นเป็น 479 แท่นในสัปดาห์นี้