ราคาน้ำมัน WTI พุ่งกว่า 2% ในช่วงเช้าวันนี้ (3 ก.พ.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดา เม็กซิโก และจีน ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าอาจจะก่อให้เกิดสงครามการค้า และส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันดิบจากเม็กซิโกและแคนาดาซึ่งเป็นสองซัพพลายเออร์รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ
ณ เวลา 07.20 น.ตามเวลาไทยในวันนี้ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนมี.ค. พุ่งขึ้น 1.46 ดอลลาร์ หรือ 2.01% แตะที่ระดับ 73.99 ดอลลาร์/บาร์เรล
ปธน.ทรัมป์ได้ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (1 ก.พ.) โดยกำหนดให้เรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดาในอัตรา 25% และเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในอัตรา 10% โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันอังคารที่ 4 ก.พ.ตามเวลาสหรัฐฯ
ทำเนียบขาวระบุว่า สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีนำเข้าผลิตภัณฑ์พลังงานจากแคนาดาในอัตราเพียง 10% เพื่อลดผลกระทบต่อโรงกลั่นน้ำมันและรัฐแถบมิดเวสต์ที่พึ่งพาพลังงานจากแคนาดา ขณะที่ผลิตภัณฑ์ด้านพลังงานจากเม็กซิโกถูกเรียกเก็บภาษีในอัตรา 25%
การเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกซึ่งเป็นแหล่งนำเข้านำมันดิบที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯนั้น จะเพิ่มต้นทุนน้ำมันดิบเกรดหนัก (heavy crude grade) ซึ่งเป็นเกรดที่โรงกลั่นน้ำมันของสหรัฐฯ จำเป็นต้องใช้ โดยสถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลให้กำไรของโรงกลั่นลดลงและอาจบีบให้โรงกลั่นเหล่านี้ต้องลดกำลังการผลิต
ทางด้านนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ของแคนาดาประกาศว่าจะตอบโต้สหรัฐฯ ด้วยการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ในอัตรา 25% ครอบคลุมตั้งแต่เครื่องดื่มไปจนถึงเครื่องใช้ไฟฟ้า ขณะที่เม็กซิโกประกาศว่าจะตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ เช่นกัน ส่วนรัฐบาลจีนประกาศว่าจะยื่นคำร้องต่อองค์การการค้าโลก (WTO) เพื่อคัดค้านมาตรการดังกล่าวของสหรัฐฯ