สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ในวันอังคาร (11 ก.พ.) โดยตลาดได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าอุปทานน้ำมันในตลาดโลกอาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง และจากการที่สหรัฐฯ คว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่านและรัสเซีย
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 1.00 ดอลลาร์ หรือ 1.38% ปิดที่ 73.32 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 1.13 ดอลลาร์ หรือ 1.49% ปิดที่ 77.00 ดอลลาร์/บาร์เรล
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่อิหร่านหลายราย รวมถึงเรือบรรทุกน้ำมันที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งน้ำมันดิบอิหร่านจำนวนหลายล้านบาร์เรลต่อปีไปยังจีน เพื่อเพิ่มแรงกดดันต่ออิหร่านตามนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
นอกจากนี้ การส่งออกน้ำมันดิบรัสเซียไปยังจีนและอินเดียได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญจากการประกาศคว่ำบาตรของสหรัฐฯ
นักลงทุนคาดการณ์ว่าอุปทานน้ำมันจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ตึงเครียดครั้งใหม่ในตะวันออกกลาง โดยล่าสุด เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล กล่าวว่าหากกลุ่มฮามาสไม่ปล่อยตัวประกันอิสราเอลภายในวันเสาร์นี้ อิสราเอลก็จะยกเลิกข้อตกลงหยุดยิง และจะกลับมาทำสงครามกับกลุ่มฮามาส
ทางด้านปธน.ทรัมป์กล่าวว่าเขาอาจระงับความช่วยเหลือแก่จอร์แดนและอียิปต์ หากทั้งสองประเทศไม่รับผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ที่จะถูกย้ายออกจากฉนวนกาซา โดยปธน.ทรัมป์มีกำหนดเข้าพบกษัตริย์อับดุลลาห์ที่ 2 แห่งจอร์แดนในวันนี้
สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ พุ่งขึ้น 9.043 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 7 ก.พ. ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) ในวันนี้ เวลาประมาณ 22.30 น.