สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ (24 ก.พ.) หลังจากสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรอุตสาหกรรมน้ำมันอิหร่านรอบใหม่ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการที่อิรักให้คำมั่นว่าจะปฏิบัติตามข้อตกลงของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร (โอเปกพลัส) ในการปรับลดกำลังการผลิตเพื่อชดเชยการผลิตน้ำมันเกินโควตาในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 30 เซนต์ หรือ 0.43% ปิดที่ 70.70 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 35 เซนต์ หรือ 0.47% ปิดที่ 74.78 ดอลลาร์/บาร์เรล
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้ออกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านรอบใหม่ในวันจันทร์ ซึ่งมุ่งเป้าไปที่อุตสาหกรรมน้ำมันของอิหร่าน โดยมาตรการดังกล่าวส่งผลกระทบต่อกลุ่มโบรกเกอร์ค้าน้ำมัน ผู้ประกอบการเรือบรรทุกน้ำมัน และผู้ขนส่งที่ขายและขนส่งปิโตรเลียมของอิหร่าน
ทางด้านกระทรวงน้ำมันของอิรักออกแถลงการณ์ระบุว่า อิรักยืนยันในการปฏิบัติตามข้อตกลงของกลุ่มโอเปกพลัส ในการปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมโดยสมัครใจ เพื่อชดเชยการผลิตน้ำมันเกินโควตาในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ อิรักผลิตน้ำมันดิบจำนวน 3.999 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนม.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่าอิรักได้ปฏิบัติตามโควตาการผลิตตามที่มีการตกลงกันไว้
นักลงทุนจับตาความคืบหน้าในการทำข้อตกลงสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งหากประสบความสำเร็จจะทำให้มีการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย และจะส่งผลให้มีปริมาณน้ำมันในตลาดมากขึ้น
วันจันทร์ที่ 24 ก.พ.เป็นวันครบรอบ 3 ปีที่รัสเซียใช้ปฏิบัติการทางทหารโจมตียูเครน ขณะที่ผู้นำของสหภาพยุโรป (EU) จะจัดการประชุมสุดยอดวาระพิเศษในวันที่ 6 มี.ค.เพื่อหารือกันเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมแก่ยูเครน รวมทั้งการให้การรับประกันด้านความมั่นคงแก่ยูเครน
ด้านประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวว่า เขาพร้อมที่จะลาออกจากตำแหน่ง หากสิ่งนี้นำมาซึ่งสันติภาพแก่ยูเครน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบจากสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ในวันนี้ ก่อนที่สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) จะเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการในวันพุธนี้