สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นในวันศุกร์ (14 มี.ค.) และปิดตลาดในสัปดาห์นี้แทบไม่เปลี่ยนแปลง ขณะที่นักลงทุนประเมินแนวโน้มที่ลดลงของการยุติสงครามในยูเครนได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งการยุติสงครามนั้นอาจทำให้มีพลังงานจากรัสเซียกลับเข้าสู่ตลาดตะวันตกมากขึ้น
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 63 เซนต์ หรือ 0.95% ปิดที่ 67.18 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 70 เซนต์ หรือ 1.0% ปิดที่ 70.58 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI และน้ำมันดิบเบรนท์ต่างก็ปิดตลาดสัปดาห์นี้แทบไม่เปลี่ยนแปลงจากวันศุกร์ที่แล้วซึ่งน้ำมันดิบเบรนท์ปิดที่ 70.36 ดอลลาร์ และ WTI ปิดที่ 67.04 ดอลลาร์
"ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวอยู่ที่ราวระดับ 70 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา และการที่ราคาจะคงระดับนี้ต่อไปหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์ข่าวด้านการเมือง" นักวิเคราะห์ของคอมเมิร์ซแบงก์ (Commerzbank) ระบุในบันทึก
ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี (13 มี.ค.) ว่า รัสเซียสนับสนุนข้อเสนอหยุดยิงของสหรัฐฯ ในหลักการ แต่ต้องการคำชี้แจงและเงื่อนไขบางประการ ซึ่งดูเหมือนจะทำให้การยุติความขัดแย้งอย่างรวดเร็วเป็นไปได้ยาก
"หากแนวโน้มการหยุดยิงยังคงถูกเลื่อนออกไป ตลาดจะคาดการณ์ว่า น้ำมันรัสเซียจะยังคงถูกคว่ำบาตรเป็นระยะเวลานาน" แอนดรูว์ ลิโพว์ ประธานของลิโพว์ ออยล์ แอสโซซิเอตส์ (Lipow Oil Associates) ในฮิวสตันกล่าว
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ เรียกร้องอีกครั้งในวันศุกร์ให้รัสเซียยอมรับข้อเสนอหยุดยิง โดยโพสต์ในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียส่วนตัวว่า เขาจะนำสหรัฐฯ ออกจาก "ปัญหายุ่งเหยิงที่แท้จริงกับรัสเซีย"
แหล่งข่าวเปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า รัฐบาลทรัมป์ระบุว่าใบอนุญาตที่อนุญาตให้ทำธุรกรรมด้านพลังงานกับสถาบันการเงินของรัสเซียหมดอายุลงในสัปดาห์นี้ ขณะเดียวกัน บริษัทรัฐวิสาหกิจของจีนก็กำลังควบคุมการนำเข้าน้ำมันรัสเซียเพื่อลดความเสี่ยงจากมาตรการคว่ำบาตร
จีนและรัสเซียยังคงสนับสนุนอิหร่าน หลังจากที่สหรัฐฯ เรียกร้องให้มีการเจรจาด้านนิวเคลียร์กับอิหร่าน โดยนักการทูตระดับสูงของจีนและรัสเซียกล่าวว่า การเจรจาควรกลับมาดำเนินการโดยตั้งอยู่บนความเคารพซึ่งกันและกัน และมาตรการคว่ำบาตรทั้งหมดควรถูกยกเลิก
"แนวโน้มราคาส่วนใหญ่อยู่ในทิศทางขาลงในระยะสั้น แต่ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์อาจยังส่งผลกระทบต่ออุปทาน" นักวิเคราะห์ของเอเอ็นแซด (ANZ) ระบุในบันทึกถึงลูกค้า
สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) เตือนเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ปริมาณน้ำมันทั่วโลกอาจเกินความต้องการประมาณ 600,000 บาร์เรลต่อวันในปีนี้ เนื่องจากการผลิตของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นและความต้องการทั่วโลกอ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้
ภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนจากความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศอื่นๆ ทำให้ IEA ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของความต้องการน้ำมันในไตรมาสสุดท้ายของปี 2567 และไตรมาสแรกของปีนี้
"ความเสี่ยงสูงด้านอุปสงค์และอุปทานที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มโอเปกพลัสทำให้มีโอกาสน้อยลงที่ราคาน้ำมันจะฟื้นตัวอย่างยั่งยืน" นักวิเคราะห์ของคอมเมิร์ซแบงก์กล่าว