สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (25 มี.ค.) หลังจากมีรายงานรัสเซียและยูเครนได้ตกลงที่จะยุติการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบจากทางการสหรัฐฯ ในวันนี้
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 11 เซนต์ หรือ 0.16% ปิดที่ 69.00 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 2 เซนต์ หรือ 0.03% ปิดที่ 73.02 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมัน WTI ปรับตัวลง หลังจากทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ในวันอังคารว่า สหรัฐฯ ได้บรรลุข้อตกลงกับรัสเซียและยูเครนในการรักษาความปลอดภัยสำหรับการเดินเรือในทะเลดำ รวมทั้งยุติการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานในรัสเซียและยูเครน
แถลงการณ์ยังระบุว่า สหรัฐฯ จะให้ความช่วยเหลือต่อรัสเซียในการส่งออกสินค้าเกษตรและปุ๋ยเข้าสู่ตลาดโลก รวมทั้งการเข้าถึงท่าเรือ และระบบชำระเงินสำหรับการทำธุรกรรมดังกล่าว นอกจากนี้ สหรัฐฯ จะอำนวยความสะดวกให้กับรัสเซียและยูเครนในการเจรจาเพื่อให้มีการทำข้อตกลงสันติภาพที่ยั่งยืน
ทั้งนี้ หากการเจรจาเพื่อยุติสงครามในยูเครนประสบความสำเร็จ ก็จะทำให้มีการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันของรัสเซีย และจะส่งผลให้อุปทานน้ำมันจากรัสเซียไหลเข้าสู่ตลาดโลกเพิ่มขึ้น
ข่าวดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า อุปทานน้ำมันในตลาดโลกจะเผชิญภาวะตึงตัวหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้า 25% ต่อประเทศที่ซื้อน้ำมันและก๊าซจากเวเนซุเอลา โดยคำสั่งดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 เม.ย.
รายงานล่าสุดระบุว่า ผู้ค้าน้ำมันจากจีนได้ระงับการซื้อน้ำมันจากเวเนซุเอลาแล้ว หลังจากปธน.ทรัมป์ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษี โดยจีนเป็นผู้ซื้อน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของเวเนซุเอลา โดยได้สั่งซื้อน้ำมัน 503,000 บาร์เรล/วัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 55% ของการส่งออกน้ำมันของเวเนซุเอลา
สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ลดลง 4.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 21 มี.ค. ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) ในวันนี้