นายเบน โรดส์ ผู้ช่วยที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว ให้สัมภาษณ์ในรายการ "The Situation Room" ของ CNN ว่า ข้อมูลลับของทำเนียบขาวไม่ได้ถูกแพร่งพรายแต่อย่างใด แต่ปฏิเสธที่แสดงความเห็นว่าเหตุการณ์นี้มีความเชื่อมโยงกับรัสเซีย
"เราเชื่อว่าระบบข้อมูลลับของเราไม่ถูกเจาะ" นายโรดส์กล่าวพร้อมขยายความว่า ทำเนียบขาวได้ปรับระบบข้อมูลที่ไม่ใช่ความลับอย่างต่อเนื่อง และได้รับคำสั่งให้ดำเนินการราวกับว่าข้อมูลบนเครือข่ายนั้น อาจถูกแฮคเกอร์เจาะ
รายงานข่าวระบุว่า สำนักงานสืบสวนกลางแห่งสหรัฐ (FBI) หน่วยอารักขาประธานาธิบดีสหรัฐ (Secret Service) และหน่วยงานข่าวกรองของสหรัฐ มีส่วนร่วมในการสืบสวนการเจาะระบบครั้งนี้ ซึ่งองค์กรเหล่านี้มองว่า เป็นการโจมตีที่มีความละเอียดซับซ้อนที่สุดที่เกิดขึ้นกับระบบรัฐบาลสหรัฐ
สำหรับการเจาะระบบครั้งนี้มีเส้นทางมาจากหลายแห่งทั่วโลกเพื่อเป็นกลบเกลื่อนร่องรอย ซึ่งเป็นแนวทางที่แฮคเกอร์ใช้บ่อยครั้ง อย่างไรก็ดี ผู้สืบสวนได้พบโค้ดที่ทิ้งไว้ รและร่องรอยอื่นๆ ซึ่งพวกเขาเชื่อว่า สามารถบ่งชี้ได้ว่าแฮคเกอร์กลุ่มนี้ทำงานให้รัฐบาลรัสเซีย
เจ้าหน้าที่ข่าวกรองสหรัฐเปิดเผยว่า ความถี่และความซับซ้อนของการโจมตีทางไซเบอร์ซึ่งสนับสนุนโดยรัสเซียนั้น เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากสถานการณ์ความตึงเครียดที่บานปลายในยูเครน และการคว่ำบาตรเศรษฐกิจรัสเซียโดยสหรัฐ
ในข่าวที่ซีเอ็นเอ็นรายงานนั้น นายพอล เบรสสัน โฆษก FBI ปฏิเสธที่แสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ ขณะที่นายมาร์ก สโตรห์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติ (NSC) ระบุว่าข่าวของ CNN ไม่ได้โยงไปถึงสถานการณ์ใหม่ใดๆทั้งสิ้น
เมื่อปีที่แล้ว สื่อสหรัฐบางส่วนก็ได้รายงานว่า บรรดาเจ้าหน้าที่ความมั่นคงสหรัฐตั้งข้อสงสัยว่า อาชญากรแฮคเกอร์รัสเซียอยู่เบื้องหลังเหตุการโจมตีระบบคอมพิวเตอร์ของทำเนียบข่าวในเดือนต.ค. ปีที่แล้ว สำนักข่าวซินหัวรายงาน