อย่างไรก็ดี ภายใต้นโยบายการใช้งานอย่างเป็นธรรม หรือ "fair use policy" นั้น ผู้ให้บริการจะสามารถปกป้องผลประโยชน์ของตนเองได้ในบางกรณี อาทิ กรณีผู้ใช้ที่อาศัยอยู่ในประเทศหนึ่งไปจดทะเบียนโทรศัพท์มือถือในประเทศที่ค่าบริการถูกกว่า เป็นต้น
ขณะเดียวกฎหมายฉบับนี้ ยังกำหนดการให้บริการอินเทอร์เน็ตมือถือในอียูต้องเป็นไปอย่างเท่าเทียมกันตามหลัก "net-neutrality" แต่อาจมีการบล็อกอินเทอร์เน็ตได้ในบางกรณีที่มีความเสี่ยง อาทิ การโจมตีทางไซเบอร์ เป็นต้น อย่างไรก็ดี กฎเกณฑ์นี้ในอียูถือว่ามีความอะลุ่มอล่วยกว่าหลักปฏิบัติในสหรัฐ เนื่องจากอียูเปิดช่องให้ผู้ให้บริการเครือข่ายสามารถหาข้อตกลงเพื่อกำหนดคุณภาพอินเทอร์เน็ตขั้นต่ำสำหรับใช้บริการบางประเภท อาทิ วิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ตราบใดที่การใช้งานเหล่านั้นไม่กระทบการใช้งานของผู้ใช้รายอื่นๆ
ทั้งนี้ กฎหมายฉบับนี้ต้องรอการอนุมัติจากรัฐสภาและรัฐบาลในแต่ละประเทศสมาชิกด้วย จึงจะมีผลโดยสมบูรณ์ แต่คาดว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะได้รับอนุมัติ เนื่องจากมีการเห็นพ้องกันในข้อตกลงนี้อย่างเป็นทางการไปแล้ว