นายไซมอน มิลเนอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายของเฟซบุ๊ก เปิดเผยว่า เฟซบุ๊กมีเป้าหมายที่จะมอบการบริการที่ปลอดภัยให้กับผู้ใช้งาน โดยทางบริษัทจะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและคลังสมองมนุษย์ เพื่อกำจัดเนื้อหาที่มีลักษณะสนับสนุนการก่อการร้าย และจะแจ้งฝ่ายบังคับใช้กฎหมายทันที หากทราบว่าอาจมีภัยคุกคามเกินขึ้นเร็วๆนี้
ขณะเดียวกัน นิค พิกเคิลส์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายสาธารณะประจำสหราชอาณาจักรของทวิตเตอร์ เปิดเผยว่า ทางทวิตเตอร์ก็มีเป้าหมายในการจัดการกับการก่อการร้ายด้วยเช่นกัน โดยจะใช้เทคโนโลยีในมือเพื่อกำจัดเนื้อหาที่สนับสนุนการก่อการร้ายให้หมดไป
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่โซเชียลมีเดียถูกนักการเมืองตำหนิอย่างหนัก ในเรื่องของการกำจัดข้อความที่มีเนื้อหาสนับสนุนการก่อการร้าย
ล่าสุดนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้เรียกร้องให้มีการควบคุมดูแลเนื้อหา เพื่อสกัดช่องทางการวางแผนและสรรหาบุคคลเข้ากลุ่มก่อการร้าย โดยนางเมย์มองว่าโซเชียลมีเดียเป็นแหล่งฟูมฟักอุดมการณ์หัวรุนแรงซึ่งจำเป็นต้องมีผู้ควบคุม
นางเมย์ได้มีถ้อยแถลงดังกล่าว หลังเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมาเวลาประมาณ 22:00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือราว 04:00 น. ของวันอาทิตย์ตามเวลาไทย เกิดเหตุคนร้ายขับรถแวนพุ่งเข้าใส่ฝูงชนและไล่แทงประชาชนบริเวณสะพานลอนดอนบริดจ์ และตลาดโบโรห์ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วิสามัญผู้ก่อเหตุจำนวน 3 คนขณะทำการไล่ล่า
กลุ่ม IS ได้ออกมาอ้างว่าเป็นผู้ก่อเหตุโจมตีดังกล่าว ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 คน และบาดเจ็บ 48 คน โดยในจำนวนนี้มีผู้บาดเจ็บสาหัส 21 คน
ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจอังกฤษเปิดเผยว่า จนถึงขณะนี้ ทางเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยได้แล้ว 12 คน