การ์ทเนอร์ ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดเทคโนโลยีจากสหรัฐ เปิดเผยว่า บริษัทหัวเว่ยของจีน ยังคงรั้งตำแหน่งแบรนด์สมาร์ทโฟนอันดับสองของโลกในไตรมาสแรกของปีนี้ แม้ถูกสหรัฐสั่งแบน และยังมียอดขายเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนเริ่มตีตื้นอันดับหนึ่งอย่างซัมซุงด้วย
อย่างไรก็ดี อนาคตของหัวเว่ยค่อนข้างน่าเป็นห่วง โดยยอดขายในอนาคตอันใกล้นั้นน่าจะได้รับผลกระทบ หลังรัฐบาลสหรัฐได้ตัดสินใจสั่งห้ามบริษัทของสหรัฐไม่ให้จัดหาสินค้าแก่หัวเว่ย และขึ้นบัญชีหัวเว่ยในรายชื่อบริษัทที่ไม่สามารถทำการค้าด้วยได้ หากไม่มีใบอนุญาต จนทำให้ก่อนหน้านี้บริษัทอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล (Google) ได้ระงับการทำธุรกิจกับบริษัทหัวเว่ย
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะส่งผลให้สมาร์ทโฟนของหัวเว่ยไม่สามารถอัพเดตระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) ตลอดจนเข้าถึงแอปพลิเคชันยอดนิยมอย่าง Google Play Store, Gmail และ YouTube ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของกูเกิลได้
อย่างไรก็ดี กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้ประกาศยกเลิกเป็นการชั่วคราวต่อคำสั่งห้ามบริษัทสหรัฐในการดำเนินธุรกิจกับบริษัทหัวเว่ย โดยอนุญาตให้มีการอัพเดทซอฟท์แวร์เพื่อให้ผู้ใช้ยังคงสามารถใช้งานโทรศัพท์ของหัวเว่ยได้ โดยการยกเลิกคำสั่งดังกล่าวจะมีผลจนบังคับใช้จนถึงวันที่ 19 ส.ค.นี้ ส่งผลให้บริษัทกูเกิล จะยังคงดำเนินธุรกิจกับบริษัทหัวเว่ย
ทั้งนี้ การสั่งแบนหัวเว่ยเกิดขึ้น ขณะที่ความขัดแย้งด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีนทวีความรุนแรง หลังต่างฝ่ายต่างตอบโต้กันด้วยการปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้า ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินในช่วงที่ผ่านมา และกำลังมีความกังวลกันว่าจะกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก