นายทิม แดงส์ รองประธานฝ่ายบริหารจัดการความเสี่ยงและความสัมพันธ์กับคู่ค้าของบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ ธุรกิจโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของจีน เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางหัวเว่ยกำลังรอคำแนะนำเพิ่มเติมจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เพื่อประเมินว่าหัวเว่ยจะยังใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) ของกูเกิลในสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆได้หรือไม่
ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นหลังเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ กล่าวหลังจากการเจรจากับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ว่า เขาจะอนุญาตให้บริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ ของจีน สามารถซื้อสินค้าจากซัพพลายเออร์สหรัฐได้
ปธน.ทรัมป์ระบุในการแถลงข่าวหลังการประชุมซัมมิตของกลุ่ม G20 ที่ญี่ปุ่นว่า บริษัทสหรัฐสามารถขายอุปกรณ์ให้กับหัวเว่ย โดยเป็นอุปกรณ์ที่ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งชาติ
นายทิม แดงส์ ระบุว่า หัวเว่ยรับทราบเกี่ยวกับถ้อยแถลงของปธน.ทรัมป์ โดยขณะนี้หัวเว่ยกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แต่ ณ วันนี้ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบแอนดรอยด์ไม่ได้ จนกว่ากระทรวงพาณิชย์จะแถลงในกรณีนี้
ทั้งนี้ เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้ขึ้นบัญชีดำหัวเว่ย โดยห้ามไม่ให้หัวเว่ยซื้อสินค้าจากซัพพลายเออร์สหรัฐ และล่าสุดทางกระทรวงพาณิชย์ยังไม่ได้ออกมาประกาศว่าการตัดสินใจเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ของปธน.ทรัมป์นั้นมีความเกี่ยวข้องกับระบบแอนดรอยด์หรือไม่
นอกจากนี้ นายแลร์รี่ คุดโลว์ ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว กล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ได้ "ให้อภัยโทษแก่หัวเว่ยแบบเบ็ดเสร็จ" และรัฐบาลสหรัฐไม่ได้ปลดหัวเว่ยออกจากบัญชีดำที่ถูกรัฐบาลสั่งห้ามการซื้อสินค้าจากบริษัทอเมริกันแห่งอื่น ๆ แต่รัฐบาลให้การผ่อนคลายแก่หัวเว่ย ด้วยการให้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐอนุมัติใบอนุญาตมากขึ้นเพื่อให้บริษัทสหรัฐสามารถขายผลิตภัณฑ์แก่หัวเว่ย ตราบใดที่ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไม่ได้เป็นภัยคุกคามความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ
"หัวเว่ยจะยังคงอยู่ในบัญชีดำที่จะถูกควบคุมด้านสินค้าส่งออกอย่างเข้มงวด และเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ" นายคุดโลว์กล่าว
ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า การตัดสินใจที่จะให้หัวเว่ยซื้อสินค้าของสหรัฐ เป็นไปตามความต้องการของบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยีขั้นสูงของสหรัฐ และเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐจะจัดการประชุมเพื่อหารือถึงเรื่องดังกล่าว