บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของจีนอย่าง SenseTime, Megvii และ Hikvision ได้ออกแถลงการณ์ตอบโต้หลังถูกกระทรวงพาณิชย์สหรัฐขึ้นบัญชีดำ โดยอ้างว่าบริษัทเหล่านี้มีส่วนในการละเมิดสิทธิมนุษยชนชาวมุสลิมซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยในเขตปกครองตนเองซินเจียง
โฆษกจากบริษัท SenseTime ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้าน AI ชั้นนำของจีน เปิดเผยว่า ทางบริษัทรู้สึกผิดหวังที่ถูกสหรัฐขึ้นบัญชีดำด้วยเหตุผลดังกล่าว และระบุเพิ่มเติมด้วยว่า บริษัท "ไม่ได้ทำธุรกิจหรือมีส่วนรู้เห็นว่ามีการใช้เทคโนโลยีของบริษัทในเขตซินเจียง"
ด้านบริษัท Megvii ซึ่งเป็นธุรกิจ AI จีนเช่นกัน เปิดเผยว่า บริษัทขอคัดค้านการขึ้นบัญชีดำดังกล่าว โดยบริษัทปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับในพื้นที่ที่ดำเนินงาน และไม่ส่งเสริมให้มีการนำเทคโนโลยีของบริษัทไปใช้อย่างผิดกฎหมาย นอกจากนี้ บริษัทไม่ได้มีรายได้จากเขตซินเจียงในครึ่งปีแรกของปีนี้
ส่วนบริษัทกล้องวงจรปิดยักษ์ใหญ่อย่าง Hikvision ก็ได้ออกมาคัดค้านมาตรการดังกล่าวเช่นกัน โดยยืนยันว่า บริษัท "เคารพต่อสิทธิมนุษยชนและมีความรับผิดชอบในการคุ้มครองผู้คนทั้งในสหรัฐและทั่วโลก"
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศขึ้นบัญชีดำต่อบริษัทเทคโนโลยีและองค์กรอื่น ๆ ของจีนรวมกัน 28 แห่ง โดยอ้างว่าบริษัทเหล่านี้ได้ละเมิดสิทธิมนุษยชนของชาวมุสลิม ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยในเขตปกครองตนเองซินเจียง
การประกาศดังกล่าวนับเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ขึ้นบัญชีดำบริษัทจีนด้วยเหตุผลด้านสิทธิมนุษยชน จากเดิมที่เคยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ อย่างที่เคยทำกับบริษัทหัวเว่ย
แถลงการณ์ของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า บริษัทเหล่านี้มีการข่มเหง คุมขังบุคคลตามอำเภอใจ และใช้เทคโนโลยีสอดส่องชาวอุยกูร์ ซึ่งเป็นชาวมุสลิมกลุ่มน้อยในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งสหรัฐมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ทั้งนี้ บริษัทจีนที่ถูกขึ้นบัญชีดำเหล่านี้จะไม่สามารถทำธุรกิจกับบริษัทสหรัฐได้ หากไม่ได้รับการอนุญาตจากรัฐบาลสหรัฐ โดยบริษัทรายใหญ่ๆที่ถูกขึ้นบัญชีดำรอบนี้ มีทั้งบริษัทกล้องวงจรปิดยักษ์ใหญ่อย่าง Hikvision และ Dahua Technology ไปจนถึงบริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์อย่าง SenseTime และ Megvii